วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คลิปที่@bukholee ตกเป็นจำเลย



สืบเนื่องมาจาก #TwitHY meeting ครั้งที่10 ในช่วงสนทนา มีการพาดพิงถึงสมาชิกผู้ทรงเกียรติ์ @idao77 ซึ่งเปนสมาชิกที่ได้รับการนับถือ สักการะ ในวัยวุฒิ จากสมาชิกทุกท่าน จึงนำไปสู่กรณีพิพาท ทางสำนักข่าวโจรสลัด จึงขอนำคลิปที่ต้นเหตุแห่งกรณีพิพาทมานำเสนออีกครั้ง เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย


สำหรับความคืบหน้าในกรณีพิพาทนี้ แหล่งข่าว กล่าวว่า ทางกลุ่มยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่ได้มีการประสานงานกับโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว


ความคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป


กัปตัน รีเจนซี รายงาน สำนักข่าวโจรสลัดจัดให้

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552

ข้อมูลเที่ยวสตูล

สตูล
สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์

ชายฝั่งทะเลตะวันตกทางภาคใต้ของไทย ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย เป็นที่ตั้งของจังหวัดสตูล จังหวัดเล็กๆ เงียบสงบ ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติป่าเขาอันสมบูรณ์ และรายล้อมไปด้วยม.เกาะสวยงามต่างๆ กว่าแปดสิบเกาะที่รู้จักกันดีและมีชื่อเสียง คือ หมู่เกาะตะรุเตา หมู่เกาะอาดัง-ราวีและหมู่เกาะเภตรา
สตูลมีพื้นที่ ๒,๔๗๘ ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นเนินสูง มีที่ราบป่าเขาและห้วยน้ำ
ลำธารทางด้านตะวันออกของพื้นที่ ตอนกลางใกล้ชายทะเลเป็นที่ราบ มีภูเขาและที่ราบลุ่ม ส่วนชายฝั่งทะเลเป็นที่ราบและป่าชายเลนน้ำท่วมถึง มีป่าโกงกางและไม้แสมมาก
สตูลอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ๙๗๓ กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม มีชายฝั่งทะเลยาว ๑๔๔.๘ กิโลเมตร สตูลแบ่งออกเป็น ๗ อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอควนโดน อำเภอท่าแพ อำเภอควนกาหลง อำเภอละงู อำเภอทุ่งหว้า และอำเภอมะนัง

อาณาเขต


ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง และอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
ทิศใต้ ติดต่อกับรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย
ทิศตะวันตก ติดต่อกับทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย

การเดินทาง
รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๔ ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร
จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๑ ผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง จากพัทลุงไปอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔ แล้วแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ถึงจังหวัดสตูล ระยะทาง ๙๗๓ กิโลเมตร
รถไฟ สามารถเดินทางไปกับขบวนรถกรุงเทพฯ-ยะลา, กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ หรือ กรุงเทพฯ-
สุไหงโก-ลก ลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จากนั้นต่อรถตู้โดยสารหรือรถโดยสารประจำทางเข้าจังหวัดสตูล ระยะทาง ๙๘ กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีรถไฟหัวลำโพง โทร. ๑๖๙๐, ๐ ๒๒๒๓ ๗๐๑๐, ๐ ๒๒๒๐ ๔๓๓๔ หรือ http://www.railway.co.th/
รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศ กรุงเทพฯ-สตูล ทุกวัน รถออกที่สถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. ๐ ๒๘๙๔ ๖๑๒๒ http://www.transport.co.th/ สำหรับบริษัทเอกชน ติดต่อ บริษัท ศรีสุเทพทัวร์ โทร. ๐ ๒๘๙๔ ๖๑๖๖-๘ และบริษัท ทรัพย์ไพศาลทัวร์ โทร. ๐ ๒๘๙๔ ๖๐๔๐-๑
เครื่องบิน สามารถใช้บริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ แล้วต่อรถแท็กซี่หรือรถโดยสารประจำทางจากตัวอำเภอหาดใหญ่เข้าจังหวัดสตูลอีกประมาณ ๙๘ กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โทร. ๑๕๖๖, ๐ ๒๒๘๐ ๐๐๖๐, ๐ ๒๖๒๘ ๒๐๐๐ หรือ http://www.thaiairways.com/

การเดินทางจาก หาดใหญ่ - สตูล
รถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งหาดใหญ่ มีบริการรถโดยสารปรับอากาศตั้งแต่เวลา ๐๕.๔๐-๑๘.๓๐ น. รถออกทุก ๑๕ นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒ ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (หาดใหญ่) โทร. ๐ ๗๔๒๔ ๓๗๙๗ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (สตูล) โทร. ๐ ๗๔๗๑ ๑๒๒๙, ๐ ๗๔๗๑ ๑๑๔๙
รถตู้โดยสาร จอดที่หน้าตลาดเกษตรฯ ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่เวลา ๐๖.๓๐-๑๙.๐๐ น รถจะออกทุก ๓๐ นาที ใช้เวลาเดินทาง ๑ ชั่วโมง ๔๕ นาที (สามารถนั่งรถตุ๊กๆ จากหน้าสถานีรถไฟไปลงที่ตลาดเกษตรฯราคา ๑๐ บาท) สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด(คิวรถตู้หาดใหญ่) โทร. ๐ ๗๔๒๔ ๕๖๕๕

การเดินทางจาก หาดใหญ่ - ปากบารา
รถตู้โดยสาร จอดที่หน้าตลาดเกษตรฯ ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่เวลา ๐๗.๓๐-๑๘.๓๐ น. รถจะออกทุก๑ ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง ๒ ชั่วโมง (สามารถนั่งรถตุ๊กๆ จากหน้าสถานีรถไฟไปลงที่ตลาดเกษตรฯราคา ๑๐ บาท) สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (คิวรถตู้หาดใหญ่) โทร. ๐ ๗๔๒๔ ๕๖๕๕

การเดินทางจากอำเภอเมืองสตูลไปอำเภอต่าง ๆ
อำเภอควนโดน ๒๑ กิโลเมตร
อำเภอท่าแพ ๒๘ กิโลเมตร
อำเภอควนกาหลง ๓๒ กิโลเมตร
อำเภอละงู ๕๐ กิโลเมตร
อำเภอทุ่งหว้า ๗๖ กิโลเมตร
การเดินทางจากจังหวัดสตูลไปจังหวัดใกล้เคียง
จังหวัดสงขลา ๑๒๕ กิโลเมตร
จังหวัดพัทลุง ๑๓๔ กิโลเมตร
จังหวัดตรัง ๑๔๐ กิโลเมตร

สถานที่น่าสนใจ
อำเภอเมืองสตูล
มัสยิดกลางจังหวัดสตูล หรือ มัสยิดมำบัง ตั้งอยู่บริเวณมุมถนนบุรีวานิชและถนนสตูลธานี กลางเมืองสตูล เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ลักษณะรูปทรงมัสยิดเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ตัวอาคารสีขาวตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบหินอ่อนและกระจกใส ตัวอาคารแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนนอกเป็นระเบียง มีบันไดขึ้นหอคอย ลักษณะเป็นยอดโดม สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองสตูลได้ ส่วนในเป็นห้องโถงใหญ่ใช้เป็นที่ละหมาด ชั้นล่างมีห้องใต้ดิน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สตูล (คฤหาสถ์กูเด็น) ตั้งอยู่ถนนสตูลธานีซอย ๕ ตรงข้ามกับสำนักงานที่ดินจังหวัดสตูล สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๑ แล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๔๕๙ โดย พระยาภูมินารถภักดี หรือ ตวนกูบาฮารุดดินบินตำมะหงง (ชื่อเดิม กูเด็น บินกูแม๊ะ) เจ้าเมืองสตูลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คฤหาสถ์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคราวเสด็จปักษ์ใต้ แต่ไม่ได้ประทับแรม เคยใช้เป็นบ้านพักและศาลาว่าการเมืองสตูล จนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ราวปีพ.ศ. ๒๔๘๔ อาคารหลังนี้ใช้เป็นกองบัญชาการทหารญี่ปุ่น เคยใช้เป็นศาลากลางจังหวัดสตูล และเป็นสถานที่สำคัญทางราชการ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๓ กรมศิลปากรได้ปรับปรุงคฤหาสถ์กูเด็น เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๒ ชั้น เป็นตึกแบบตะวันตก ประตูหน้าต่างรูปโค้งตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป หลังคาทรงปั้นหยาแบบไทยใช้กระเบื้องดินเผารูปกาบกล้วย บานหน้าต่างเป็นแผ่นไม้ชิ้นเล็ก ๆ เป็นเกล็ดแนวนอน ช่องลมด้านบนตกแต่งรูปดาวตามลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม
ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองสตูล วิถีชีวิตของชาวสตูลในด้านต่างๆ เช่น ชีวิตชาวเลเกาะหลีเป๊ะ การปั้นหม้อ ห้องบ้านเจ้าเมืองสตูล ห้องวัฒนธรรมชาวไทยมุสลิม ให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ปิดวันจันทร์ วันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา ๐๙.๐๐–๑๖.๐๐ น. ค่าเข้าชม ชาวต่างประเทศ ๓๐ บาท ชาวไทย ๑๐ บาท โทร. ๐ ๗๔๗๒ ๓๑๔๐
สวนสาธารณะเขาโต๊ะพญาวัง อยู่ในเขตเทศบาลเมืองสตูล ถนนคูหาประเวศน์ เป็นสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศแตกต่างจากสวนสาธารณะทั่วไปตรงที่ตั้งอยู่ติดภูเขาหินปูน จึงให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบรรยากาศถ้ำมากกว่าสวนสาธารณะโล่ง นอกจากนี้มีลำคลองไหลผ่านข้างสวน ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์จึงเหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีร้านอาหารอยู่บริเวณใกล้ๆ
วัดชนาธิปเฉลิม ตั้งอยู่ที่ถนนศุลกานุกูล ตำบลพิมาน เดิมชื่อ วัดมำบัง เป็นวัดแห่งแรกของเมืองสตูล สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๕ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนาธิปเฉลิมเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ ชาวเมืองสตูลส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นที่รวมน้ำใจของชาวพุทธศาสนามาร่วม ๑๐๐ กว่าปี พระอุโบสถของวัดสร้างเมื่อพ.ศ.๒๔๗๓ มีลักษณะเด่นแตกต่างจากพระอุโบสถทั่วไป คือ เป็นอาคารทรง ๒ ชั้น ชั้นล่างก่อด้วยอิฐถือปูน ใช้เป็นศาลาการเปรียญ ชั้นบนเป็นอาคารไม้ ใช้ประกอบพิธีกรรมของพระสงฆ์ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นระเบียงมีบันไดสองข้าง เสาบานหน้าต่างแกะสลักเป็นรูปเครือเถา วัดแห่งนี้จึงเป็นวัดที่หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดสตูลร่วมกับศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสตูล โรงเรียนสตูลวิทยา ประกาศเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สอบถามรายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๗๔๗๑ ๑๙๙๖
แหลมตันหยงโปและหาดทรายยาว อยู่ทางปากอ่าวสตูล ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๐๕๑ ( เส้นทางไปท่าเรือเจ๊ะบิลัง) ประมาณ ๘ กิโลเมตร จะมีทางแยกไปยังบ้านตันหยงโปอีกประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ลักษณะเป็นแหลมที่ยื่นล้ำไปในทะเลอันดามัน เป็นพื้นที่หมู่บ้านชาวประมง ชายหาดเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวและบ้านเรือนชาวบ้าน จะพบเห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่โดยทั่วไปของชาวประมงและการตากของทะเลริมหาด
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย มีชื่อเสียงทางด้านประวัติศาสตร์และความสวยงามของธรรมชาติ ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ห่างจากตัวเมืองสตูลประมาณ ๔๐ กิโลเมตร และห่างจากฝั่งที่ท่าเรือปากบารา ๒๒ กิโลเมตร มีอาณาเขตทิศเหนือจดอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ทิศใต้จดทะเลที่เป็นแนวพรมแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย มีพื้นที่ทั้งเกาะและทะเลรวมกันประมาณ ๑,๔๙๐ ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยหมู่เกาะใหญ่น้อย จำนวน ๕๑ เกาะ มีเกาะขนาดใหญ่ ๗ เกาะ ได้แก่ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะกลาง เกาะบาตวง และเกาะบิสสี แบ่งออกเป็น ๒ หมู่เกาะใหญ่ คือหมู่.เกาะตะรุเตา และหมู่เกาะอาดัง-ราวี ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๑๗ และ ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้เป็นมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Parks and Reserves) ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายน

สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
เกาะตะรุเตา นับเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของอุทยาน มีพื้นที่ ๑๕๒ ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาที่มีสภาพเป็นป่าดิบชื้นซึ่งยังมีพรรณไม้และสัตว์ป่าที่น่าสนใจจำนวนไม่น้อย และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นป่าชายเลน นอกจากนี้ยังมีอ่าวน้อยใหญ่ที่มีชายหาดสวยงามอยู่หลายแห่ง และในท้องทะเลของเกาะตะรุเตายังมีพันธุ์ปลามากมายหลายชนิดรวมทั้งเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ ๔ ชนิด คำว่า “ตะรุเตา” นี้ เพี้ยนมาจาก คำว่า “ตะโละเตรา” ในภาษามลายูแปลว่า มีอ่าวมาก
นอกจากสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว เกาะตะรุเตายังมีประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ โดยในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ รัฐบาลมีนโยบายให้กรมราชทัณฑ์จัดหาสถานที่เพื่อจัดตั้งนิคมฝึกอาชีพ และเป็นสถานที่กักกันนักโทษ เกาะตะรุเตาซึ่งอยู่ห่างไกลจากฝั่ง เต็มไปด้วยปัจจัยทางธรรมชาติที่เป็นอุปสรรคต่อการหลบหนี ก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่จัดตั้งนิคมดังกล่าว มีการจัดสร้างอาคารที่ทำการ บ้านพักของผู้คุม เรือนนอนนักโทษ และโรงฝึกอาชีพขึ้นที่อ่าวตะโละวาว และอ่าวตะโละอุดัง ในปี พ.ศ.๒๔๘๑ นักโทษชุดแรกจำนวน ๕๐๐ คนก็ได้เดินทางมายังตะรุเตา และทยอยเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนมีนักโทษเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง ๓,๐๐๐ คน และในช่วงปี พ.ศ.๒๔๘๒ รัฐบาลได้ส่งนักโทษการเมือง ๗๐ คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักโทษจากเหตุการณ์กบฏบวรเดชและกบฏนายสิบ มากักบริเวณอยู่ที่อ่าวตะโละอุดัง
ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่อุบัติขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อนิคมฝึกอาชีพตะรุเตา เนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร และยารักษาโรค นักโทษเจ็บป่วยล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ผู้คุมและนักโทษจำนวนหนึ่งจึงได้ออกปล้นสะดมเรือสินค้าที่ผ่านไปมาในน่านน้ำบริเวณช่องแคบมะละกา จนทำให้เรือสินค้าไม่กล้าล่องเรือผ่านมาในบริเวณนั้น ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ รัฐบาลอังกฤษซึ่งปกครองมลายูอยู่ในขณะนั้นได้ขออนุญาตจากรัฐบาลไทยในการส่งกองกำลังเข้าปราบปรามโจรสลัดตะรุเตาจนสำเร็จ ต่อมากรมราชทัณฑ์ได้ประกาศยกเลิกนิคมฝึกอาชีพตะรุเตา และหลังจากนั้นเกาะตะรุเตาก็ถูกทิ้งร้างเป็นเวลา ๒๖ ปี จนกระทั่งวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๗ กรมป่าไม้ในขณะนั้น ได้ประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติตะรุเตาขึ้น โดยนับเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย
สถานที่น่าสนใจบนเกาะตะรุเตา
อ่าวพันเตมะละกา มีชายหาดยาวขาวสะอาด เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนหนึ่งจัดเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของเกาะตะรุเตา อ่าวพันเตมะละกายังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และจากอ่าวพันเตมะละกา ยังสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวผาโต๊ะบู ได้อีกด้วย
อ่าวจาก เป็นอ่าวเล็กๆติดต่อกับอ่าวพันเตมะละกา
อ่าวเมาะและ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ๔ กิโลเมตร มีหาดทรายขาวสะอาด และดงมะพร้าวสวยงาม เงียบสงบ มีบังกะโลเหมาะสำหรับพักผ่อน
อ่าวสน ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ๘ กิโลเมตร เป็นอ่าวรูปโค้งที่มีหาดทรายสลับกับหาดหิน และเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเล มีจุดกางเต็นท์ บริการอาหารและเครื่องดื่ม มีน้ำตกขนาดเล็กคือ น้ำตกลูดู และน้ำตกโละโป๊ะ เหมาะสำหรับเดินป่าศึกษาธรรมชาติ
อ่าวตะโละวาว อยู่ทิศตะวันออกของเกาะ เป็นจุดที่สามารถชมดวงอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ตต.๑ (ตะโละวาว) พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพสำหรับนักโทษกักกันและนักโทษอุกฉกรรจ์ ปัจจุบันทางอุทยานฯได้จำลองอาคารสถานที่ที่เคยอยู่ในนิคมฝึกอาชีพ เช่น บ้านพักของผู้คุม เรือนนอนของนักโทษ โรงฝึกอาชีพ หลุมศพ ๗๐๐ ศพ ไว้ในบริเวณดังกล่าว
อ่าวตะโละอุดัง อยู่ทางทิศใต้ของเกาะ ห่างจากเกาะลังกาวี ๘ กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯที่ ตต.๒ (ตะโละอุดัง) อดีตเป็นที่กักกันนักโทษการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มนักโทษจากเหตุการณ์กบฏบวรเดช และกบฏนายสิบ
น้ำตกลูดู เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงาม อยู่ห่างจากอ่าวสนประมาณ ๓ กิโลเมตร ซึ่งจากบริเวณอ่าวสนมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติไปยังน้ำตกลูดู
ถ้ำจระเข้ เป็นถ้ำที่มีความลึกประมาณ ๓๐๐ เมตร ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามและมีลักษณะแตกต่างกันไป การเดินทางไปถ้ำจระเข้ต้องนั่งเรือหางยาวไปตามคลองพันเตมะละกา ซึ่งอุดมไปด้วยป่าชายเลนที่มีไม้โกงกางจำนวนมากตลอดสองฝั่งคลองโดยใช้เวลาล่องเรือประมาณ ๒๐ นาทีและใช้เวลาชมถ้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง ติดต่อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ ผู้ที่จะเที่ยวชมภายในตัวถ้ำควรนำไฟฉายไปด้วย
จุดชมวิว “ผาโต๊ะบู” เป็นหน้าผาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๖๐ เมตร เส้นทางเดินขึ้นไปตามแนวป่าดิบแล้ง ใช้เวลาเดินขึ้นจุดชมวิวประมาณ ๒๐ นาที อยู่ด้านหลังที่ทำการอุทยานฯ เป็นจุดชมทิวทัศน์ของเกาะบริเวณชายหาด อ่าวพันเตมะละกา จะเห็นเกาะบุโหลน เกาะกลาง เกาะไข่ เกาะอาดัง เกาะราวี หมู่เกาะเภตรา และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง
กิจกรรมบนเกาะตะรุเตา
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จากที่ทำการอุทยานฯ บริเวณอ่าวพันเตมะละกามีเส้นทางเดินเท้าผ่านป่าดงดิบไปอ่าวตะโละวาว ระยะทาง ๑๒ กิโลเมตร สองข้างทางสภาพเป็นป่าดงดิบหนาทึบ ร่มรื่นด้วยไม้นานาพรรณ มีสัตว์ป่า เช่น หมูป่า กระจง และนกน่าสนใจหลายชนิด โดยเฉพาะนกเงือกที่พบได้บ่อย
อีกเส้นทางหนึ่งไปอ่าวจาก อ่าวเมาะและจนถึงอ่าวสน ระยะทาง ๘ กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง จะผ่านป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ และยังเหมาะแก่การดูนกเช่นนกเงือก นกแซงแซว
เส้นทางล่องเรือรอบเกาะ เพื่อศึกษาธรรมชาติแบบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยอุทยานฯจะจัดเรือบริการพร้อมเจ้าหน้าที่นำทางชมหาดทรายต่าง ๆ เริ่มจากแวะดูนกที่อ่าวจาก ชมหาดทรายขาวและยาวที่สุดบนเกาะตะรุเตาที่อ่าวสน ศึกษาร่องรอยประวัติศาสตร์ที่อ่าวตะโละอุดัง ชมธรรมชาติที่อ่าวตะโละวาว แวะดำน้ำและเที่ยวป่าชายเลน ใช้เวลาในการล่องเรือ ๑ วัน ผู้สนใจติดติดได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนเกาะ ที่พักอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ในเขตอุทยานฯ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวบนเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง สอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐, www.dnp.go.th หรือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บริเวณท่าเรือปากบารา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ๙๑๑๑๐ โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๔๘๕ หรือ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.1 (อ่าวพันเตมะละกา) บนเกาะตะรุเตา โทร. ๐ ๗๔๗๒ ๙๐๐๒-๓
การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ท่าเรือปากบารา อยู่ห่างจากอำเภอละงูประมาณ ๘ กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ปากคลองละงู ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู เป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้เกาะตะรุเตามากที่สุด ระยะทางประมาณ ๒๒ กิโลเมตร และใกล้ท่าเรือเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติตะรุเตา บริเวณท่าเรือปากบารา
สามารถเดินทางไปยังท่าเรือปากบาราได้ดังนี้
จาก อำเภอเมือง จังหวัดสตูล-ท่าเรือปากบารา
รถยนต์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ถึงบ้านฉลุง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข ๔๑๖ (สตูล-ละงู) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข ๔๐๕๒ ซึ่งแยกจาก อำเภอละงู ตรงไปสู่ท่าเรือปากบารา
รถโดยสาร มีรถแท็กซี่โดยสารสายสตูล-ปากบารา ออกจากตัวเมืองสตูล บริเวณข้างธนาคารกรุงเทพ สาขาสตูล วิ่งบริการวันละหลายเที่ยว นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวและรถตู้ วิ่งบริการจากบริเวณตัวเมืองด้วย
จากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา-ท่าเรือปากบารา
รถยนต์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ถึงบ้านฉลุง จังหวัดสตูล แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข ๔๑๖ (สตูล-ละงู) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข ๔๐๕๒ ซึ่งแยกจาก อำเภอละงู ตรงไปสู่ท่าเรือปากบารา
รถตู้โดยสาร จอดที่หน้าตลาดเกษตรฯ ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่เวลา ๐๗.๓๐-๑๘.๓๐ น. รถจะออกทุก๑ ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง ๒ ชั่วโมง (สามารถนั่งรถตุ๊กๆ จากหน้าสถานีรถไฟไปลงที่ตลาดเกษตรฯราคา ๑๐ บาท) สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (คิวรถตู้หาดใหญ่) โทร. ๐ ๗๔๒๔ ๕๖๕๕
ท่าเรือปากบารา-อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวตะรุเตาประมาณเดือนพฤศจิกายน-เมษายน มีบริการเรือโดยสารสู่เกาะต่างๆในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ซีแอท ฮอลิเดย์ โทร. ๐๘ ๙๖๕๕ ๕๗๐๗, ๐๘ ๔๔๐๗ ๒๕๘๗, ๐ ๗๔๗๘ ๓๒๒๒ อาดัง ซี แอดเวนเจอร์ โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๓๓๘, ๐๘ ๙๗๓๕ ๗๖๓๗, ๐๘ ๑๖๐๙ ๒๖๐๔ บริษัท ไทเกอร์ ไลน์ ทราเวล จำกัด โทร. ๐ ๗๔๗๓ ๒๕๑๐ บริษัท หลีเป๊ะ เฟอรี่ แอนด์ สปีดโบ๊ท จำกัด โทร. ๐๘ ๑๖๐๙ ๑๔๑๓

เกาะตะรุเตา ค่าโดยสาร ๓๐๐ บาท (เที่ยวเดียว), ๕๐๐ บาท (ไป-กลับ)
เกาะหลีเป๊ะ ค่าโดยสาร ๖๕๐ (เที่ยวเดียว), ๑,๑๐๐ (ไป-กลับ)

ระยะทางจากท่าเรือ-เกาะต่างๆ
ท่าเรือปากบารา - อ่าวพันเตมะละกา (เกาะตะรุเตา) ๒๒ กิโลเมตร
- เกาะอาดัง ๘๐ กิโลเมตร
- เกาะหลีเป๊ะ ๘๒ กิโลเมตร
เกาะตะรุเตา - หมู่เกาะอาดัง-ราวี ๔๐ กิโลเมตร
- เกาะหลีเป๊ะ ๔๐ กิโลเมตร
- เกาะไข่ ๑๔.๕ กิโลเมตร
เกาะอาดัง - เกาะหลีเป๊ะ ๒ กิโลเมตร
- เกาะหินงาม ๒.๕ กิโลเมตร
- เกาะไข่ ๑๗ กิโลเมตร

เกาะไข่ อยู่ห่างจากเกาะตะรุเตาไปทางทิศตะวันตก เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ระหว่างเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง ใช้เวลาเดินทางจากเกาะตะรุเตาประมาณ ๔๐ นาที สิ่งที่มีชื่อเสียงบนเกาะไข่ ได้แก่ ซุ้มประตูหินธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ทะเลรอบๆ เกาะไข่มีแนวปะการังอยู่โดยทั่วไป ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้ค้างแรมบนเกาะ เรือโดยสารจากเกาะตะรุเตาไปยังเกาะหลีเป๊ะ มักจะวิ่งผ่านเกาะไข่ซึ่งอยู่ระหว่างทาง
หมู่เกาะอาดัง-ราวี อยู่ห่างจากเกาะตะรุเตาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ๔๐ กิโลเมตร หรือห่างจากตัวเมืองสตูล ๖๐ กิโลเมตร หมู่เกาะอาดัง-ราวี นอกจากจะประกอบด้วยเกาะอาดัง และเกาะราวี ซึ่งเป็นชื่อของหมู่เกาะแล้ว ยังมีเกาะบริวารน้อยใหญ่เช่นเกาะหลีเป๊ะ เกาะหินงาม เกาะยาง เกาะดง เกาะหินซ้อน เกาะจาบัง เป็นต้น
เกาะอาดัง คำว่า “อาดัง” มาจากคำเดิมในภาษามลายูว่า “อุดัง” มีความหมายว่า “กุ้ง” เพราะบริเวณนี้เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยกุ้งทะเล เกาะอาดังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.๕ (แหลมสน-เกาะอาดัง) เกาะอาดัง มีเนื้อที่เกาะประมาณ ๓๐ ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายละเอียดสวยงาม รอบเกาะมีเกาะเล็กๆ หลายเกาะ เช่น เกาะหลีเป๊ะ เกาะดง เกาะหินงาม และเกาะยาง เป็นเกาะที่เหมาะสำหรับการดำน้ำตื้น ภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาสูง มีป่าปกคลุมดูเขียวครึ้ม มีน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี คือน้ำตกโจรสลัด
บนเกาะอาดังยังมีจุดชมวิว “ผาชะโด” ในอดีตเคยเป็นจุดสังเกตการณ์ของโจรสลัดเพื่อเข้าโจมตีเรือสินค้า ปัจจุบันเป็นจุดชมทิวทัศน์สวยงามที่ใช้เวลาเดินขึ้น ๔๐ นาที บนผาชะโดเป็นลานโล่งมองลงไปจะเห็นทิวสนและแหลมทรายสีขาวของเกาะอาดัง มองเห็นเกาะหลีเป๊ะ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ด้วย
สำหรับการค้างแรมบนเกาะอาดัง นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐, www.dnp.go.th หรือ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๔๘๕ หรือ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.๕ (แหลมสน-เกาะอาดัง) โทร. ๐ ๗๔๗๑ ๒๔๐๙, ๐ ๗๔๗๒ ๘๐๒๘
เกาะราวี อยู่ห่างจากเกาะอาดังเพียงหนึ่งกิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ ๒๙ ตารางกิโลเมตร เกาะราวีมีหาดทรายสวยงาม น้ำทะเลใส เงียบสงบ เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ฯที่ ต.ต.๖ (หาดทรายขาว) บนเกาะไม่มีที่พัก นักท่องเที่ยวนิยมแวะที่เกาะราวีเพื่อเล่นน้ำและดำน้ำดูปะการัง
เกาะสิเป๊ะหรือเกาะหลีเป๊ะ เกาะนี้อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง ๒ กิโลเมตร มีชุมชนชาวเลอาศัยอยู่หลายครอบครัว ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการประมง ประมาณกลางเดือน ๖ และเดือน ๑๑ ตลอด ๓ วัน ๓ คืน ชาวบ้านที่มีเชื้อสายชาวเลจะมารวมกันที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อจะจัดงานรื่นเริง และที่สำคัญที่สุดคือ ชาวบ้านจะช่วยกันต่อเรือด้วยไม้ระกำ และประกอบพิธีลอยเรือ ด้วยเป็นความเชื่อว่าเป็นการเสี่ยงทายโชคชะตาในการประกอบอาชีพประมง จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ ธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ เวิ้งอ่าวสวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มเหมือนแป้ง และอ่าวที่สวยงามคือ อ่าวพัทยา ซึ่งมีลักษณะโค้งเว้า ทรายขาวละเอียด และหาดชาวเล ซึ่งทั้งสองหาดนี้สามารถเดินถึงกันได้โดยใช้เวลาประมาณ ๑๕ นาที บนหาดมีที่พักเอกชนคอยบริการนักท่องเที่ยว
เกาะหินงาม อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอาดัง เป็นเกาะขนาดเล็ก ชายหาดมีก้อนหินสีดำรูปร่างต่างๆ มีลักษณะกลมเกลี้ยง ลวดลายสวยงาม เมื่อถูกน้ำจะเป็นมัน แวววาว งดงาม บนเกาะมีป้ายเตือนเกี่ยวกับคำสาปเจ้าพ่อตะรุเตา “ผู้ใดบังอาจเก็บหินงามจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะนานานับประการ”
เกาะยาง หรือ เกาะกาต๊ะ เป็นเกาะเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากเกาะอาดัง น้ำทะเลใสและมีแหล่งปะการังแข็งที่สวยงาม เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังผักกาด ปะการังสมอง บนเกาะมีชายหาดที่มีทรายละเอียด
เกาะจาบัง เป็นเกาะขนาดเล็กอยู่ห่างจากเกาะอาดังราว ๒๐ นาที บริเวณก้อนหินใต้น้ำรอบๆ เกาะ
จาบังเป็นแหล่งปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาที่มีสีสันสวยงาม ระดับน้ำลึกราว ๑๕-๓๐ ฟุตของกองหินบริเวณนี้ ทำให้เหมาะแก่การดำน้ำตื้นในลักษณะการดำผิวน้ำ และสามารถดำน้ำลึกได้
หมู่เกาะดง เกาะดงเป็นเกาะที่อยู่นอกสุดของหมู่เกาะอาดัง ราวี ห่างจากเกาะอาดังราว ๑ ชั่วโมง มีแหล่งปะการังน้ำตื้น และปะการังน้ำลึก เกาะดงยังมีเกาะบริวารอยู่โดยรอบราว ๔-๕ เกาะ โดยมีเกาะหินซ้อนที่มีลักษณะโดดเด่นเหมือนก้อนหินที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ
การเดินทางสู่หมู่เกาะอาดัง ราวี
ท่าเรือปากบารา-อาดัง-หลีเป๊ะ
เรือจะออกจากท่าเรือปากบาราและแวะที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาก่อน หลังจากนั้นจะเดินทางต่อไปยังเกาะหลีเป๊ะและเกาะอาดัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒ ชั่วโมง (ตารางเรือดูได้จากการเดินทางไปหมู่เกาะเกาะตะรุเตา) เมื่อถึงบริเวณใกล้เกาะหลีเป๊ะและเกาะอาดัง จะมีเรือหางยาวเล็กมารอรับนักท่องเที่ยวที่เรือเพื่อต่อไปยังเกาะหลีเป๊ะและหมู่เกาะอาดัง ราวี ค่าโดยสาร ๔๐ บาท
สำหรับผู้สนใจท่องเที่ยวไปตามเกาะต่างๆในหมู่เกาะอาดังราวีนั้น สามารถเช่าเรือหางยาวได้ที่เกาะ
หลีเป๊ะ อัตราค่าเช่าวันละ ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ บาทต่อวัน (๘-๑๒ คน) ชมรมเรือหางยาวนำเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ โทร. ๐๘ ๑๙๕๙ ๖๕๔๒
การท่องเที่ยวเกาะลังกาวี
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย สามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือตำมะลัง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองสตูล ๙ กิโลเมตร ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเที่ยวแบบไปเช้า-กลับเย็น สอบถามรายละเอียดที่ บริษัทนำเที่ยวต่างๆในจังหวัดสตูล (ท้ายเอกสาร)

อำเภอควนโดน
ถ้ำลอดปูยู (ปูยู แปลว่า ปลาหมอ) อยู่ที่เขากาหยัง ตำบลปูยู ห่างจากตัวจังหวัด ๑๕ กิโลเมตร เป็นถ้ำลอดลักษณะคล้ายกับถ้ำลอดที่อ่าวพังงา มีคลองท่าจีนไหลผ่านถ้ำ สองฝั่งของคลองเป็นป่าโกงกางตลอดแนว ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยบ้าง ใกล้ถ้ำลอดจะมีถ้ำอีกแห่งหนึ่งมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามและมีค้างคาวอาศัยอยู่ ใช้เวลาในการเที่ยวชมประมาณ ๒ ชั่วโมง
การเดินทาง สามารถเช่าเรือหางยาวจากท่าเรือตำมะลังและท่าเทียบเรือประมงสตูล ขององค์การสะพานปลา ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง ๙ กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๘๓ กิโลเมตรที่ ๕-๖
อุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตั้งอยู่ที่บ้านวังประจัน ตำบลวังประจัน อยู่ห่างจากอำเภอเมืองสตูล ๔๐ กิโลเมตร อุทยานฯ มีเนื้อที่ ๑๒๒,๕๐๐ ไร่ โดยรวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกุปังปุโต๊ะและหัวกระหมิงและพื้นที่ป่าควนบ่อน้ำปูยู ในท้องที่ตำบลบ้านควน ตำบลปูยู อำเภอเมือง ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๒๓
คำว่า “ทะเลบัน” มาจากคำว่า “เลิด เรอบัน” เป็นภาษามลายูแปลว่า ทะเลยุบหรือทะเลอันเกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน อุทยานแห่งชาติทะเลบัน เกิดจากการยุบตัวของพื้นดินระหว่างเขาจีนและเขามดแดง เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ ๖๓,๓๕๐ ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน อุดมไปด้วยพืชพรรณป่าไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีสัตว์ต่าง ๆ เช่น เลียงผา ช้าง สมเสร็จ หมูป่า ลิง ชะนี และ “เขียดว๊าก” (หมาน้ำ) ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งบึงทะเลบัน รูปร่างคล้ายกบและคางคก แต่มีหาง ส่งเสียงร้องคล้ายลูกสุนัข จะมีชุกชุมตามริมบึงโดยเฉพาะในฤดูฝน สำหรับผู้ชื่นชมการดูนกก็ไม่ควรพลาด เพราะมีนกหลายชนิดให้ดู เช่น นกแอ่นฟ้าเคราขาว นกปรอดคอลาย นกกางเขนน้ำหลังแดง นกหัวขวาน เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทะเลบัน
บึงทะเลบัน เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่กลางหุบเขา ขนาบด้วยเทือกเขาจีนและเขาวังประ มีเนื้อที่ประมาณ ๑๒๕ ไร่ มีปลาน้ำจืดและหอยชุกชุม รอบบึงจะมี “ต้นบากง” ขึ้นอยู่หนาแน่น ทางอุทยานฯ ได้สร้างศาลาท่าน้ำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนและมีทางเดินไม้รอบบึง
น้ำตกยาโรย เป็นน้ำตกที่เกิดจากต้นน้ำในป่าหัวกะหมิง มี ๙ ชั้น แต่ละชั้นเป็นแอ่งสามารถเล่นน้ำได้ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในท้องถิ่น การเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๘๔ (สายควนสะตอ-วังประจัน) กิโลเมตรที่ ๑๔–๑๕ ประมาณ ๖ กิโลเมตร จะมีทางแยกเข้าไปอีก ๗๐๐ เมตร
น้ำตกโตนปลิว มีต้นน้ำมาจากภูเขาจีน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีหลายชั้น ไหลจากหน้าผาสูง สวยงามมาก การเดินทาง ใช้เส้นทางหมายเลข ๔๑๘๔ (สายควนสะตอ-วังประจัน) กิโลเมตรที่ ๙–๑๐ หรือห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร จะมีทางลูกรังแยกไปอีก ๓ กิโลเมตร
อุทยานฯ มีบ้านพักและร้านสวัสดิการ(เปิดในเวลาราชการ)ไว้บริการนักท่องเที่ยว ส่วนเต้นท์ต้องนำมาเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติทะเลบัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ๙๑๑๖๐ โทร. ๐ ๗๔๗๒ ๒๗๓๗ โทรสาร. ๐ ๗๔๗๒ ๒๗๓๖
การเดินทาง ไปอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ระยะทาง ๘๐ กิโลเมตร ถึงสามแยกควนโดนซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางเข้าอุทยานเลี้ยวซ้ายทางหลวงหมายเลข ๔๑๘๔ ไปอีกประมาณ ๒๐ กิโลเมตร นอกจากนั้นยังมีรถโดยสารประจำทาง (หาดใหญ่-สตูล) ขึ้นที่หน้าหอนาฬิกา ลงที่สามแยกควนสะตอ ต่อรถสองแถวเล็ก สายสตูล-วังประจัน รถออกชั่วโมงละ ๑ คัน ค่าโดยสารคนละ ๒๐ บาท
เขตชายแดนไทย-มาเลเซีย (ด่านวังประจัน) อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง ๒ กิโลเมตร บริเวณเขตแดนมีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ตั้งอยู่ หากเดินทางต่อไปอีกประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ก็จะถึงปาดังเบซาร์ ซึ่งมีสินค้าราคาถูกจำหน่าย หรือหากต้องการไปยังเมืองกางะ เมืองหลวงของรัฐเปอร์ลิส ก็สามารถไปได้เพียงเดินทางไปอีกประมาณ ๓๐ กิโลเมตรเท่านั้น ด่านนี้เปิดตั้งแต่ ๐๗.๐๐–๑๘.๐๐ น. และจะมีตลาดนัดทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ด่านศุลกากรโทร.๐ ๗๔๗๒ ๒๗๓๐ ด่านตรวจคนเข้าเมือง โทร. ๐ ๗๔๗๒ ๒๗๓๑
การเดินทาง จากตัวเมืองสตูลใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ระยะทาง ๑๙ กิโลเมตร มีทางแยกขวา ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๘๔ กม.ที่ ๖๑-๖๒ ระยะทาง ๒๐ กิโลเมตร หรือ นั่งรถสองแถวสตูล-วังประจัน รถจอดที่หน้าโรงแรมแหลมทอง หรือ ขึ้นรถสตูล-เขตแดน ที่บริเวณสามแยกควนสะตอ โดยจะมีรถออกทุกชั่วโมง
ค่าโดยสารคนละ ๓๐ บาท

อำเภอควนกาหลง
วนอุทยานน้ำตกธาราสวรรค์ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขาหมาไม่หยก” จัดตั้งเป็นวนอุทยานโดยกรมป่าไม้เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๙ เป็นเขตที่มีฝนตกชุกค่อนข้างสม่ำเสมอทำให้เกิดป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ ภายในวนอุทยานสามารถเที่ยวชมน้ำตกที่มีความสวยงามประกอบด้วย ๓ ชั้น ชั้นแรกได้แก่ น้ำตกโตนต่ำ ชั้นที่สองได้แก่ น้ำตกสายฝน ชั้นที่สามได้แก่น้ำตกสอยดาว ห่างจากที่ว่าการอำเภอควนกาหลง ๑๒ กิโลเมตร มีสถานที่สำหรับกางเต็นท์พักแรมและบ้านพักไว้บริการ ๕ หลัง ติดต่อสำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๒๐ (สงขลา) โทร. ๐ ๗๔๓๑ ๑๐๒๐
การเดินทาง จากสามแยกนิคมฯ ผ่านที่ว่าการอำเภอควนกาหลงแยกเข้าทางซอย ๑๐ ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๖ จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข ๔๑๓๗ มีป้ายบอกทางไปอีกประมาณ ๑๒ กิโลเมตร
น้ำตกปาหนัน อยู่ตำบลทุ่งนุ้ย ห่างจากตัวเมืองสตูล ๓๙ กิโลเมตร มีต้นน้ำมาจากภูเขากะหมิง ธรรมชาติรอบ ๆ น้ำตกยังสมบูรณ์ มีน้ำไหลตลอดปี แต่บริเวณน้ำตกมีการสร้างเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดย่อม

อำเภอละงู
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านละงู อยู่ตรงข้ามวัดอาทรรังสฤษฎิ์ ถนนละงู-ฉลุง ตัวอาคารมี สองชั้น ชั้นล่างจำหน่ายผลิตภัณฑ์งานฝีมือท้องถิ่นและขนม ชั้นบนจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ มีของจำพวกเครื่องทองเหลือง เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเงิน เตารีด ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ กระเบื้องเคลือบ เครื่องแก้ว เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เครื่องจักสาน นาฬิกา พัดลมซึ่งเป็นของสะสมของคุณชัยวัฒน์ ไซยกุล เปิดให้บริการทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร เวลา ๑๐.๐๐ -๑๖.๓๐ น.โทร ๐ ๗๔๗๘ ๑๓๓๘, ๐ ๗๔๗๘ ๑๓๘๒ อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ ๒๐ บาท เด็ก ๑๐ บาท นักเรียนในเครื่องแบบ ๕ บาท ชาวต่างประเทศ ๔๐ บาท
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันตกทางใต้ของไทย บริเวณช่องแคบมะละกา ฝั่งทะเลอันดามัน เกาะเภตรามีลักษณะคล้ายเรือสำเภา ครอบคลุมพื้นที่ชายหาดตลอดแนวฝั่งทะเลในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และตำบลสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาลาดชันสูง มีพื้นที่ราบบริเวณหุบเขาและชายหาด มีพื้นที่ทั้งบนบกและทะเล ประมาณ ๔๙๔.๓๘ ตารางกิโลเมตร ได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๗ อุทยานฯ นี้มีป่าไม้ ภูเขา สัตว์ป่า ปะการังหลากสีสวยงาม ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่สำคัญต่างๆ คือ เกาะเภตรา เกาะลิดี เกาะบุโหลน เกาะเขาใหญ่ เกาะละโละแบนแต เกาะเหลาเหลียง และเกาะเปรามะ
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
อ่าวนุ่น เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ อยู่บนโค้งเวิ้งอ่าวธรรมชาติที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและบ้านพัก
หาดราไว เป็นชายหาด ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ และ ๔ ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า ห่างจากที่ทำการทุ่งหว้า ประมาณ ๒๖ กิโลเมตร เข้าตรงทางแยกบ้านวังตง มีต้นสนอยู่ตลอดแนวชายหาด มีภูมิทัศน์ที่เหมาะสำหรับตั้งค่ายพักแรม
เกาะลิดีเล็ก อยู่ห่างจากที่ทำการฯ (อ่าวนุ่น) ประมาณ ๕ กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือปากบาราประมาณ ๗ กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ฯ บนเกาะมีชายหาดทรายขาว น้ำใสเหมาะจะเล่นน้ำพักผ่อน ด้านข้างของเกาะมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์มีสัตว์น้ำหลายชนิดอาศัยอยู่ นักท่องเที่ยวที่จะพักบนเกาะต้องนำเต็นท์และอาหารมาเอง เพราะยังไม่มีร้านอาหารบริการ ส่วนเกาะลิดีใหญ่ ซึ่งอยู่ข้างเกาะลิดีเล็ก เป็นเกาะสัมปทานรังนกนางแอ่น สนใจติดต่อเช่าเรือได้ที่ ที่ทำการอุทยานฯ ค่าเช่าเรือประมาณ ๗๐๐ บาท
เกาะบุโหลน อยู่ห่างจากท่าเรือปากบาราประมาณ ๒๒ กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสสวยเล่นน้ำได้ มีจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกกระจายอยู่หลายจุด เช่น เกาะอายำและเกาะหินขาว ยามค่ำคืนบริเวณชายหาดมีปูเสฉวน ปูลม ให้ดู และยังเป็นจุดดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงามจุดหนึ่งด้วย
การเดินทางจากจังหวัดสตูลไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
ที่ทำการอุทยานฯ ห่างจากตัวจังหวัด ๕๖ กิโลเมตร ตั้งอยู่บริเวณเวิ้งอ่าวธรรมชาติที่เรียกว่า “อ่าวนุ่น” ก่อนถึงท่าเรือปากบาราประมาณ ๓ กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๔๑๖ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ ๖-๗ ให้แยกซ้ายเข้าไปอีก ๑.๔ กิโลเมตร อยู่ห่างจากอำเภอละงู ๗ กิโลเมตร
สำหรับการเดินทางไปยังเกาะต่างๆ ในเขตอุทยานฯ นั้น สามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ท่าเรือปากบารา สำหรับผู้ที่จะไปเกาะบุโหลน มีเรือโดยสารไปเกาะบุโหลนทุกวัน เที่ยวไปออกจากท่าเรือปากบารา ๑๓.๓๐ น. เที่ยวกลับออกจากเกาะบุโหลน เวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น ค่าโดยสารไปกลับคนละ ๕๐๐ บาท ส่วนเกาะลิดีไม่มีเรือเมล์วิ่ง ต้องติดต่อเช่าเหมาเรือที่ท่าเรือปากบารา ราคาค่าเช่าประมาณวันละ ๘๐๐-๑,๖๐๐ บาท สอบถามรายละเอียดชมรมผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวท่าเรือปากบารา โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๓๓๘ อาดังซี แอดเวนเจอร์ โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๓๖๘
ในเขตอุทยานฯ มีบ้านพัก และสถานที่ตั้งเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา (อ่าวนุ่น) ๒๙๘ หมู่ ๔ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ๙๑๑๑๐ โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๐๗๔ (ผู้ที่จองจะต้องมาติดต่อที่อุทยานฯ ด้วยตนเอง หรือมีหนังสือแจ้งล่วงหน้า) www.dnp.go.th
น้ำตกวังสายทอง อยู่ริมถนน ร.พ.ช. สายทุ่งนางแก้ว-วังสายทอง ทางหลวงหมายเลข ๔๑๓๗สามารถเดินทางได้ ๒ ทาง คือ ทางอำเภอละงู ตรงทางแยกจากถนนสายสตูล-ละงู ที่สามแยกบ้านโกตา ตำบลกำแพง จากจุดนี้ถึงน้ำตก ระยะทางประมาณ ๒๖ กิโลเมตร อีกทางหนึ่งคือทางอำเภอทุ่งหว้า ตรงสามแยกสะพานวา ตำบลป่าแก่บ่อหิน ระยะทางประมาณ ๑๙ กิโลเมตร ความงามของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่แอ่งน้ำแต่ละชั้นจับหินปูน ลักษณะคล้ายดอกบัวบานซ้อนลดหลั่นกันในแอ่งที่สวยงาม บริเวณน้ำตกมีต้นไม้ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ

อำเภอมะนัง
ถ้ำเจ็ดคต ตั้งอยู่หมู่ ๕ ตำบลปาล์มพัฒนา จากตัวเมืองสตูล แยกเข้าทางหลวงหมายเลข ๔๑๓๗ ถึงสามแยกไปอำเภอมะนัง เลี้ยวเข้าไปทางถ้ำเจ็ดคต ห่างจากหน่วยพิทักษ์ป่าวังสายทอง ๓ กม. ลักษณะถ้ำคดเคี้ยวและทะลุผ่านภูเขา มีลำธารไหลผ่านภายในถ้ำสามารถล่องเรือภายในถ้ำได้ตลอดระยะทางเพื่อชมธรรมชาติและหินย้อย มีหาดทรายขาวระยิบระยับภายในถ้ำบริเวณมุมที่คดเคี้ยว คล้ายกับเพชรที่โปรยไว้ที่หาดทราย บริเวณหาดทรายสามารถกางเต็นท์ได้ มีลมพัดเบาๆ และอากาศเย็นสบาย ไม่อับชื้น ฤดูท่องเที่ยวประมาณเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม เส้นทางการเข้าสู่ถ้ำเจ็ดคตนี้มีหลายเส้นทางและการเข้าชมสามารถใช้เรือคายักและเรือยางสำหรับล่องแก่ง ควรเช็ครายละเอียดจากบริษัทนำเที่ยวก่อนการเดินทาง
อำเภอทุ่งหว้า
น้ำตกธารปลิว อยู่หมู่ ๗ ตำบลทุ่งหว้า ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ๑๔ กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำเกิดจากเขาลุงเครอะ ในเขตจังหวัดตรัง-สตูล มี ๒ ชั้น ชั้นล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดกว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๕๐ เมตร รอบ ๆ บริเวณร่มรื่นด้วยพรรณไม้หลากหลาย
การเดินทาง จากถนนสายทุ่งหว้า-ปะเหลียน แยกตรงกิโลเมตรที่ ๓๕ ไปบ้านทุ่งยาวนุ้ย ตำบลทุ่งหว้า ระยะทางจากทางแยก เข้าไปประมาณ ๘ กิโลเมตร

งานเทศกาลงานประเพณี
งานประเพณีแข่งว่าวนานาชาติ จัดขึ้นทุกปีประมาณเดือนกุมภาพันธ์ บริเวณสนามบินสตูล ก่อนถึงเมืองสตูลประมาณ ๔ กิโลเมตร
งานตะรุเตา อาดัง ฟิชชิ่ง คลับ เป็นงานตกปลาที่จัดขึ้นประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี
งานเทศกาลท่องเที่ยวทางทะเลจังหวัดสตูล จัดขึ้นประมาณเดือนธันวาคม เพื่อเป็นการเริ่มเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดสตูล นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตาในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน
ประเพณีลอยเรือ จัดขึ้นในหมู่ของชาวเลที่เกาะหลีเป๊ะในจังหวัดสตูล ประมาณกลางเดือน ๖ และเดือน ๑ ทุกปี เพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลและเสี่ยงทายอนาคตของการประกอบอาชีพ

ข้อมูล เที่ยวเมืองสตูล






สตูล
สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์

ชายฝั่งทะเลตะวันตกทางภาคใต้ของไทย ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย เป็นที่ตั้งของจังหวัดสตูล จังหวัดเล็กๆ เงียบสงบ ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติป่าเขาอันสมบูรณ์ และรายล้อมไปด้วยม.เกาะสวยงามต่างๆ กว่าแปดสิบเกาะที่รู้จักกันดีและมีชื่อเสียง คือ หมู่เกาะตะรุเตา หมู่เกาะอาดัง-ราวีและหมู่เกาะเภตรา
สตูลมีพื้นที่ ๒,๔๗๘ ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นเนินสูง มีที่ราบป่าเขาและห้วยน้ำ
ลำธารทางด้านตะวันออกของพื้นที่ ตอนกลางใกล้ชายทะเลเป็นที่ราบ มีภูเขาและที่ราบลุ่ม ส่วนชายฝั่งทะเลเป็นที่ราบและป่าชายเลนน้ำท่วมถึง มีป่าโกงกางและไม้แสมมาก
สตูลอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ๙๗๓ กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม มีชายฝั่งทะเลยาว ๑๔๔.๘ กิโลเมตร สตูลแบ่งออกเป็น ๗ อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอควนโดน อำเภอท่าแพ อำเภอควนกาหลง อำเภอละงู อำเภอทุ่งหว้า และอำเภอมะนัง

อาณาเขต





ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง และอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
ทิศใต้ ติดต่อกับรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย
ทิศตะวันตก ติดต่อกับทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย

การเดินทาง
รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๔ ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร
จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๑ ผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง จากพัทลุงไปอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔ แล้วแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ถึงจังหวัดสตูล ระยะทาง ๙๗๓ กิโลเมตร
รถไฟ สามารถเดินทางไปกับขบวนรถกรุงเทพฯ-ยะลา, กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ หรือ กรุงเทพฯ-
สุไหงโก-ลก ลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จากนั้นต่อรถตู้โดยสารหรือรถโดยสารประจำทางเข้าจังหวัดสตูล ระยะทาง ๙๘ กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีรถไฟหัวลำโพง โทร. ๑๖๙๐, ๐ ๒๒๒๓ ๗๐๑๐, ๐ ๒๒๒๐ ๔๓๓๔ หรือ http://www.railway.co.th/
รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศ กรุงเทพฯ-สตูล ทุกวัน รถออกที่สถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. ๐ ๒๘๙๔ ๖๑๒๒ http://www.transport.co.th/ สำหรับบริษัทเอกชน ติดต่อ บริษัท ศรีสุเทพทัวร์ โทร. ๐ ๒๘๙๔ ๖๑๖๖-๘ และบริษัท ทรัพย์ไพศาลทัวร์ โทร. ๐ ๒๘๙๔ ๖๐๔๐-๑
เครื่องบิน สามารถใช้บริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ แล้วต่อรถแท็กซี่หรือรถโดยสารประจำทางจากตัวอำเภอหาดใหญ่เข้าจังหวัดสตูลอีกประมาณ ๙๘ กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โทร. ๑๕๖๖, ๐ ๒๒๘๐ ๐๐๖๐, ๐ ๒๖๒๘ ๒๐๐๐ หรือ http://www.thaiairways.com/

การเดินทางจาก หาดใหญ่ - สตูล
รถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งหาดใหญ่ มีบริการรถโดยสารปรับอากาศตั้งแต่เวลา ๐๕.๔๐-๑๘.๓๐ น. รถออกทุก ๑๕ นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒ ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (หาดใหญ่) โทร. ๐ ๗๔๒๔ ๓๗๙๗ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (สตูล) โทร. ๐ ๗๔๗๑ ๑๒๒๙, ๐ ๗๔๗๑ ๑๑๔๙
รถตู้โดยสาร จอดที่หน้าตลาดเกษตรฯ ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่เวลา ๐๖.๓๐-๑๙.๐๐ น รถจะออกทุก ๓๐ นาที ใช้เวลาเดินทาง ๑ ชั่วโมง ๔๕ นาที (สามารถนั่งรถตุ๊กๆ จากหน้าสถานีรถไฟไปลงที่ตลาดเกษตรฯราคา ๑๐ บาท) สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด(คิวรถตู้หาดใหญ่) โทร. ๐ ๗๔๒๔ ๕๖๕๕

การเดินทางจาก หาดใหญ่ - ปากบารา
รถตู้โดยสาร จอดที่หน้าตลาดเกษตรฯ ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่เวลา ๐๗.๓๐-๑๘.๓๐ น. รถจะออกทุก๑ ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง ๒ ชั่วโมง (สามารถนั่งรถตุ๊กๆ จากหน้าสถานีรถไฟไปลงที่ตลาดเกษตรฯราคา ๑๐ บาท) สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (คิวรถตู้หาดใหญ่) โทร. ๐ ๗๔๒๔ ๕๖๕๕

การเดินทางจากอำเภอเมืองสตูลไปอำเภอต่าง ๆ
อำเภอควนโดน ๒๑ กิโลเมตร
อำเภอท่าแพ ๒๘ กิโลเมตร
อำเภอควนกาหลง ๓๒ กิโลเมตร
อำเภอละงู ๕๐ กิโลเมตร
อำเภอทุ่งหว้า ๗๖ กิโลเมตร
การเดินทางจากจังหวัดสตูลไปจังหวัดใกล้เคียง
จังหวัดสงขลา ๑๒๕ กิโลเมตร
จังหวัดพัทลุง ๑๓๔ กิโลเมตร
จังหวัดตรัง ๑๔๐ กิโลเมตร

สถานที่น่าสนใจ
อำเภอเมืองสตูล
มัสยิดกลางจังหวัดสตูล หรือ มัสยิดมำบัง ตั้งอยู่บริเวณมุมถนนบุรีวานิชและถนนสตูลธานี กลางเมืองสตูล เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ลักษณะรูปทรงมัสยิดเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ตัวอาคารสีขาวตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบหินอ่อนและกระจกใส ตัวอาคารแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนนอกเป็นระเบียง มีบันไดขึ้นหอคอย ลักษณะเป็นยอดโดม สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองสตูลได้ ส่วนในเป็นห้องโถงใหญ่ใช้เป็นที่ละหมาด ชั้นล่างมีห้องใต้ดิน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สตูล (คฤหาสถ์กูเด็น) ตั้งอยู่ถนนสตูลธานีซอย ๕ ตรงข้ามกับสำนักงานที่ดินจังหวัดสตูล สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๑ แล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๔๕๙ โดย พระยาภูมินารถภักดี หรือ ตวนกูบาฮารุดดินบินตำมะหงง (ชื่อเดิม กูเด็น บินกูแม๊ะ) เจ้าเมืองสตูลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คฤหาสถ์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคราวเสด็จปักษ์ใต้ แต่ไม่ได้ประทับแรม เคยใช้เป็นบ้านพักและศาลาว่าการเมืองสตูล จนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ราวปีพ.ศ. ๒๔๘๔ อาคารหลังนี้ใช้เป็นกองบัญชาการทหารญี่ปุ่น เคยใช้เป็นศาลากลางจังหวัดสตูล และเป็นสถานที่สำคัญทางราชการ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๓ กรมศิลปากรได้ปรับปรุงคฤหาสถ์กูเด็น เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๒ ชั้น เป็นตึกแบบตะวันตก ประตูหน้าต่างรูปโค้งตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป หลังคาทรงปั้นหยาแบบไทยใช้กระเบื้องดินเผารูปกาบกล้วย บานหน้าต่างเป็นแผ่นไม้ชิ้นเล็ก ๆ เป็นเกล็ดแนวนอน ช่องลมด้านบนตกแต่งรูปดาวตามลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม
ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองสตูล วิถีชีวิตของชาวสตูลในด้านต่างๆ เช่น ชีวิตชาวเลเกาะหลีเป๊ะ การปั้นหม้อ ห้องบ้านเจ้าเมืองสตูล ห้องวัฒนธรรมชาวไทยมุสลิม ให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ปิดวันจันทร์ วันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา ๐๙.๐๐–๑๖.๐๐ น. ค่าเข้าชม ชาวต่างประเทศ ๓๐ บาท ชาวไทย ๑๐ บาท โทร. ๐ ๗๔๗๒ ๓๑๔๐
สวนสาธารณะเขาโต๊ะพญาวัง อยู่ในเขตเทศบาลเมืองสตูล ถนนคูหาประเวศน์ เป็นสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศแตกต่างจากสวนสาธารณะทั่วไปตรงที่ตั้งอยู่ติดภูเขาหินปูน จึงให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบรรยากาศถ้ำมากกว่าสวนสาธารณะโล่ง นอกจากนี้มีลำคลองไหลผ่านข้างสวน ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์จึงเหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีร้านอาหารอยู่บริเวณใกล้ๆ
วัดชนาธิปเฉลิม ตั้งอยู่ที่ถนนศุลกานุกูล ตำบลพิมาน เดิมชื่อ วัดมำบัง เป็นวัดแห่งแรกของเมืองสตูล สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๕ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนาธิปเฉลิมเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ ชาวเมืองสตูลส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นที่รวมน้ำใจของชาวพุทธศาสนามาร่วม ๑๐๐ กว่าปี พระอุโบสถของวัดสร้างเมื่อพ.ศ.๒๔๗๓ มีลักษณะเด่นแตกต่างจากพระอุโบสถทั่วไป คือ เป็นอาคารทรง ๒ ชั้น ชั้นล่างก่อด้วยอิฐถือปูน ใช้เป็นศาลาการเปรียญ ชั้นบนเป็นอาคารไม้ ใช้ประกอบพิธีกรรมของพระสงฆ์ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นระเบียงมีบันไดสองข้าง เสาบานหน้าต่างแกะสลักเป็นรูปเครือเถา วัดแห่งนี้จึงเป็นวัดที่หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดสตูลร่วมกับศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสตูล โรงเรียนสตูลวิทยา ประกาศเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สอบถามรายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๗๔๗๑ ๑๙๙๖
แหลมตันหยงโปและหาดทรายยาว อยู่ทางปากอ่าวสตูล ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๐๕๑ ( เส้นทางไปท่าเรือเจ๊ะบิลัง) ประมาณ ๘ กิโลเมตร จะมีทางแยกไปยังบ้านตันหยงโปอีกประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ลักษณะเป็นแหลมที่ยื่นล้ำไปในทะเลอันดามัน เป็นพื้นที่หมู่บ้านชาวประมง ชายหาดเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวและบ้านเรือนชาวบ้าน จะพบเห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่โดยทั่วไปของชาวประมงและการตากของทะเลริมหาด
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย มีชื่อเสียงทางด้านประวัติศาสตร์และความสวยงามของธรรมชาติ ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ห่างจากตัวเมืองสตูลประมาณ ๔๐ กิโลเมตร และห่างจากฝั่งที่ท่าเรือปากบารา ๒๒ กิโลเมตร มีอาณาเขตทิศเหนือจดอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ทิศใต้จดทะเลที่เป็นแนวพรมแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย มีพื้นที่ทั้งเกาะและทะเลรวมกันประมาณ ๑,๔๙๐ ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยหมู่เกาะใหญ่น้อย จำนวน ๕๑ เกาะ มีเกาะขนาดใหญ่ ๗ เกาะ ได้แก่ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะกลาง เกาะบาตวง และเกาะบิสสี แบ่งออกเป็น ๒ หมู่เกาะใหญ่ คือหมู่.เกาะตะรุเตา และหมู่เกาะอาดัง-ราวี ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๑๗ และ ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้เป็นมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Parks and Reserves) ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายน

สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
เกาะตะรุเตา นับเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของอุทยาน มีพื้นที่ ๑๕๒ ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาที่มีสภาพเป็นป่าดิบชื้นซึ่งยังมีพรรณไม้และสัตว์ป่าที่น่าสนใจจำนวนไม่น้อย และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นป่าชายเลน นอกจากนี้ยังมีอ่าวน้อยใหญ่ที่มีชายหาดสวยงามอยู่หลายแห่ง และในท้องทะเลของเกาะตะรุเตายังมีพันธุ์ปลามากมายหลายชนิดรวมทั้งเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ ๔ ชนิด คำว่า “ตะรุเตา” นี้ เพี้ยนมาจาก คำว่า “ตะโละเตรา” ในภาษามลายูแปลว่า มีอ่าวมาก
นอกจากสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว เกาะตะรุเตายังมีประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ โดยในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ รัฐบาลมีนโยบายให้กรมราชทัณฑ์จัดหาสถานที่เพื่อจัดตั้งนิคมฝึกอาชีพ และเป็นสถานที่กักกันนักโทษ เกาะตะรุเตาซึ่งอยู่ห่างไกลจากฝั่ง เต็มไปด้วยปัจจัยทางธรรมชาติที่เป็นอุปสรรคต่อการหลบหนี ก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่จัดตั้งนิคมดังกล่าว มีการจัดสร้างอาคารที่ทำการ บ้านพักของผู้คุม เรือนนอนนักโทษ และโรงฝึกอาชีพขึ้นที่อ่าวตะโละวาว และอ่าวตะโละอุดัง ในปี พ.ศ.๒๔๘๑ นักโทษชุดแรกจำนวน ๕๐๐ คนก็ได้เดินทางมายังตะรุเตา และทยอยเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนมีนักโทษเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง ๓,๐๐๐ คน และในช่วงปี พ.ศ.๒๔๘๒ รัฐบาลได้ส่งนักโทษการเมือง ๗๐ คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักโทษจากเหตุการณ์กบฏบวรเดชและกบฏนายสิบ มากักบริเวณอยู่ที่อ่าวตะโละอุดัง
ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่อุบัติขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อนิคมฝึกอาชีพตะรุเตา เนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร และยารักษาโรค นักโทษเจ็บป่วยล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ผู้คุมและนักโทษจำนวนหนึ่งจึงได้ออกปล้นสะดมเรือสินค้าที่ผ่านไปมาในน่านน้ำบริเวณช่องแคบมะละกา จนทำให้เรือสินค้าไม่กล้าล่องเรือผ่านมาในบริเวณนั้น ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ รัฐบาลอังกฤษซึ่งปกครองมลายูอยู่ในขณะนั้นได้ขออนุญาตจากรัฐบาลไทยในการส่งกองกำลังเข้าปราบปรามโจรสลัดตะรุเตาจนสำเร็จ ต่อมากรมราชทัณฑ์ได้ประกาศยกเลิกนิคมฝึกอาชีพตะรุเตา และหลังจากนั้นเกาะตะรุเตาก็ถูกทิ้งร้างเป็นเวลา ๒๖ ปี จนกระทั่งวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๗ กรมป่าไม้ในขณะนั้น ได้ประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติตะรุเตาขึ้น โดยนับเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย
สถานที่น่าสนใจบนเกาะตะรุเตา
อ่าวพันเตมะละกา มีชายหาดยาวขาวสะอาด เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนหนึ่งจัดเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของเกาะตะรุเตา อ่าวพันเตมะละกายังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และจากอ่าวพันเตมะละกา ยังสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวผาโต๊ะบู ได้อีกด้วย
อ่าวจาก เป็นอ่าวเล็กๆติดต่อกับอ่าวพันเตมะละกา
อ่าวเมาะและ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ๔ กิโลเมตร มีหาดทรายขาวสะอาด และดงมะพร้าวสวยงาม เงียบสงบ มีบังกะโลเหมาะสำหรับพักผ่อน
อ่าวสน ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ๘ กิโลเมตร เป็นอ่าวรูปโค้งที่มีหาดทรายสลับกับหาดหิน และเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเล มีจุดกางเต็นท์ บริการอาหารและเครื่องดื่ม มีน้ำตกขนาดเล็กคือ น้ำตกลูดู และน้ำตกโละโป๊ะ เหมาะสำหรับเดินป่าศึกษาธรรมชาติ
อ่าวตะโละวาว อยู่ทิศตะวันออกของเกาะ เป็นจุดที่สามารถชมดวงอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ตต.๑ (ตะโละวาว) พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพสำหรับนักโทษกักกันและนักโทษอุกฉกรรจ์ ปัจจุบันทางอุทยานฯได้จำลองอาคารสถานที่ที่เคยอยู่ในนิคมฝึกอาชีพ เช่น บ้านพักของผู้คุม เรือนนอนของนักโทษ โรงฝึกอาชีพ หลุมศพ ๗๐๐ ศพ ไว้ในบริเวณดังกล่าว
อ่าวตะโละอุดัง อยู่ทางทิศใต้ของเกาะ ห่างจากเกาะลังกาวี ๘ กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯที่ ตต.๒ (ตะโละอุดัง) อดีตเป็นที่กักกันนักโทษการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มนักโทษจากเหตุการณ์กบฏบวรเดช และกบฏนายสิบ
น้ำตกลูดู เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงาม อยู่ห่างจากอ่าวสนประมาณ ๓ กิโลเมตร ซึ่งจากบริเวณอ่าวสนมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติไปยังน้ำตกลูดู
ถ้ำจระเข้ เป็นถ้ำที่มีความลึกประมาณ ๓๐๐ เมตร ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามและมีลักษณะแตกต่างกันไป การเดินทางไปถ้ำจระเข้ต้องนั่งเรือหางยาวไปตามคลองพันเตมะละกา ซึ่งอุดมไปด้วยป่าชายเลนที่มีไม้โกงกางจำนวนมากตลอดสองฝั่งคลองโดยใช้เวลาล่องเรือประมาณ ๒๐ นาทีและใช้เวลาชมถ้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง ติดต่อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ ผู้ที่จะเที่ยวชมภายในตัวถ้ำควรนำไฟฉายไปด้วย
จุดชมวิว “ผาโต๊ะบู” เป็นหน้าผาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๖๐ เมตร เส้นทางเดินขึ้นไปตามแนวป่าดิบแล้ง ใช้เวลาเดินขึ้นจุดชมวิวประมาณ ๒๐ นาที อยู่ด้านหลังที่ทำการอุทยานฯ เป็นจุดชมทิวทัศน์ของเกาะบริเวณชายหาด อ่าวพันเตมะละกา จะเห็นเกาะบุโหลน เกาะกลาง เกาะไข่ เกาะอาดัง เกาะราวี หมู่เกาะเภตรา และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง
กิจกรรมบนเกาะตะรุเตา
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จากที่ทำการอุทยานฯ บริเวณอ่าวพันเตมะละกามีเส้นทางเดินเท้าผ่านป่าดงดิบไปอ่าวตะโละวาว ระยะทาง ๑๒ กิโลเมตร สองข้างทางสภาพเป็นป่าดงดิบหนาทึบ ร่มรื่นด้วยไม้นานาพรรณ มีสัตว์ป่า เช่น หมูป่า กระจง และนกน่าสนใจหลายชนิด โดยเฉพาะนกเงือกที่พบได้บ่อย
อีกเส้นทางหนึ่งไปอ่าวจาก อ่าวเมาะและจนถึงอ่าวสน ระยะทาง ๘ กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง จะผ่านป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ และยังเหมาะแก่การดูนกเช่นนกเงือก นกแซงแซว
เส้นทางล่องเรือรอบเกาะ เพื่อศึกษาธรรมชาติแบบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยอุทยานฯจะจัดเรือบริการพร้อมเจ้าหน้าที่นำทางชมหาดทรายต่าง ๆ เริ่มจากแวะดูนกที่อ่าวจาก ชมหาดทรายขาวและยาวที่สุดบนเกาะตะรุเตาที่อ่าวสน ศึกษาร่องรอยประวัติศาสตร์ที่อ่าวตะโละอุดัง ชมธรรมชาติที่อ่าวตะโละวาว แวะดำน้ำและเที่ยวป่าชายเลน ใช้เวลาในการล่องเรือ ๑ วัน ผู้สนใจติดติดได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนเกาะ ที่พักอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ในเขตอุทยานฯ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวบนเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง สอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐, www.dnp.go.th หรือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บริเวณท่าเรือปากบารา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ๙๑๑๑๐ โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๔๘๕ หรือ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.1 (อ่าวพันเตมะละกา) บนเกาะตะรุเตา โทร. ๐ ๗๔๗๒ ๙๐๐๒-๓
การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ท่าเรือปากบารา อยู่ห่างจากอำเภอละงูประมาณ ๘ กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ปากคลองละงู ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู เป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้เกาะตะรุเตามากที่สุด ระยะทางประมาณ ๒๒ กิโลเมตร และใกล้ท่าเรือเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติตะรุเตา บริเวณท่าเรือปากบารา
สามารถเดินทางไปยังท่าเรือปากบาราได้ดังนี้
จาก อำเภอเมือง จังหวัดสตูล-ท่าเรือปากบารา
รถยนต์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ถึงบ้านฉลุง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข ๔๑๖ (สตูล-ละงู) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข ๔๐๕๒ ซึ่งแยกจาก อำเภอละงู ตรงไปสู่ท่าเรือปากบารา
รถโดยสาร มีรถแท็กซี่โดยสารสายสตูล-ปากบารา ออกจากตัวเมืองสตูล บริเวณข้างธนาคารกรุงเทพ สาขาสตูล วิ่งบริการวันละหลายเที่ยว นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวและรถตู้ วิ่งบริการจากบริเวณตัวเมืองด้วย
จากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา-ท่าเรือปากบารา
รถยนต์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ถึงบ้านฉลุง จังหวัดสตูล แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข ๔๑๖ (สตูล-ละงู) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข ๔๐๕๒ ซึ่งแยกจาก อำเภอละงู ตรงไปสู่ท่าเรือปากบารา
รถตู้โดยสาร จอดที่หน้าตลาดเกษตรฯ ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่เวลา ๐๗.๓๐-๑๘.๓๐ น. รถจะออกทุก๑ ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง ๒ ชั่วโมง (สามารถนั่งรถตุ๊กๆ จากหน้าสถานีรถไฟไปลงที่ตลาดเกษตรฯราคา ๑๐ บาท) สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด (คิวรถตู้หาดใหญ่) โทร. ๐ ๗๔๒๔ ๕๖๕๕
ท่าเรือปากบารา-อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวตะรุเตาประมาณเดือนพฤศจิกายน-เมษายน มีบริการเรือโดยสารสู่เกาะต่างๆในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ซีแอท ฮอลิเดย์ โทร. ๐๘ ๙๖๕๕ ๕๗๐๗, ๐๘ ๔๔๐๗ ๒๕๘๗, ๐ ๗๔๗๘ ๓๒๒๒ อาดัง ซี แอดเวนเจอร์ โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๓๓๘, ๐๘ ๙๗๓๕ ๗๖๓๗, ๐๘ ๑๖๐๙ ๒๖๐๔ บริษัท ไทเกอร์ ไลน์ ทราเวล จำกัด โทร. ๐ ๗๔๗๓ ๒๕๑๐ บริษัท หลีเป๊ะ เฟอรี่ แอนด์ สปีดโบ๊ท จำกัด โทร. ๐๘ ๑๖๐๙ ๑๔๑๓

เกาะตะรุเตา ค่าโดยสาร ๓๐๐ บาท (เที่ยวเดียว), ๕๐๐ บาท (ไป-กลับ)
เกาะหลีเป๊ะ ค่าโดยสาร ๖๕๐ (เที่ยวเดียว), ๑,๑๐๐ (ไป-กลับ)

ระยะทางจากท่าเรือ-เกาะต่างๆ
ท่าเรือปากบารา - อ่าวพันเตมะละกา (เกาะตะรุเตา) ๒๒ กิโลเมตร
- เกาะอาดัง ๘๐ กิโลเมตร
- เกาะหลีเป๊ะ ๘๒ กิโลเมตร
เกาะตะรุเตา - หมู่เกาะอาดัง-ราวี ๔๐ กิโลเมตร
- เกาะหลีเป๊ะ ๔๐ กิโลเมตร
- เกาะไข่ ๑๔.๕ กิโลเมตร
เกาะอาดัง - เกาะหลีเป๊ะ ๒ กิโลเมตร
- เกาะหินงาม ๒.๕ กิโลเมตร
- เกาะไข่ ๑๗ กิโลเมตร

เกาะไข่ อยู่ห่างจากเกาะตะรุเตาไปทางทิศตะวันตก เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ระหว่างเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง ใช้เวลาเดินทางจากเกาะตะรุเตาประมาณ ๔๐ นาที สิ่งที่มีชื่อเสียงบนเกาะไข่ ได้แก่ ซุ้มประตูหินธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ทะเลรอบๆ เกาะไข่มีแนวปะการังอยู่โดยทั่วไป ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้ค้างแรมบนเกาะ เรือโดยสารจากเกาะตะรุเตาไปยังเกาะหลีเป๊ะ มักจะวิ่งผ่านเกาะไข่ซึ่งอยู่ระหว่างทาง
หมู่เกาะอาดัง-ราวี อยู่ห่างจากเกาะตะรุเตาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ๔๐ กิโลเมตร หรือห่างจากตัวเมืองสตูล ๖๐ กิโลเมตร หมู่เกาะอาดัง-ราวี นอกจากจะประกอบด้วยเกาะอาดัง และเกาะราวี ซึ่งเป็นชื่อของหมู่เกาะแล้ว ยังมีเกาะบริวารน้อยใหญ่เช่นเกาะหลีเป๊ะ เกาะหินงาม เกาะยาง เกาะดง เกาะหินซ้อน เกาะจาบัง เป็นต้น
เกาะอาดัง คำว่า “อาดัง” มาจากคำเดิมในภาษามลายูว่า “อุดัง” มีความหมายว่า “กุ้ง” เพราะบริเวณนี้เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยกุ้งทะเล เกาะอาดังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.๕ (แหลมสน-เกาะอาดัง) เกาะอาดัง มีเนื้อที่เกาะประมาณ ๓๐ ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายละเอียดสวยงาม รอบเกาะมีเกาะเล็กๆ หลายเกาะ เช่น เกาะหลีเป๊ะ เกาะดง เกาะหินงาม และเกาะยาง เป็นเกาะที่เหมาะสำหรับการดำน้ำตื้น ภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาสูง มีป่าปกคลุมดูเขียวครึ้ม มีน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี คือน้ำตกโจรสลัด
บนเกาะอาดังยังมีจุดชมวิว “ผาชะโด” ในอดีตเคยเป็นจุดสังเกตการณ์ของโจรสลัดเพื่อเข้าโจมตีเรือสินค้า ปัจจุบันเป็นจุดชมทิวทัศน์สวยงามที่ใช้เวลาเดินขึ้น ๔๐ นาที บนผาชะโดเป็นลานโล่งมองลงไปจะเห็นทิวสนและแหลมทรายสีขาวของเกาะอาดัง มองเห็นเกาะหลีเป๊ะ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ด้วย
สำหรับการค้างแรมบนเกาะอาดัง นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐, www.dnp.go.th หรือ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๔๘๕ หรือ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.๕ (แหลมสน-เกาะอาดัง) โทร. ๐ ๗๔๗๑ ๒๔๐๙, ๐ ๗๔๗๒ ๘๐๒๘
เกาะราวี อยู่ห่างจากเกาะอาดังเพียงหนึ่งกิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ ๒๙ ตารางกิโลเมตร เกาะราวีมีหาดทรายสวยงาม น้ำทะเลใส เงียบสงบ เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ฯที่ ต.ต.๖ (หาดทรายขาว) บนเกาะไม่มีที่พัก นักท่องเที่ยวนิยมแวะที่เกาะราวีเพื่อเล่นน้ำและดำน้ำดูปะการัง
เกาะสิเป๊ะหรือเกาะหลีเป๊ะ เกาะนี้อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง ๒ กิโลเมตร มีชุมชนชาวเลอาศัยอยู่หลายครอบครัว ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการประมง ประมาณกลางเดือน ๖ และเดือน ๑๑ ตลอด ๓ วัน ๓ คืน ชาวบ้านที่มีเชื้อสายชาวเลจะมารวมกันที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อจะจัดงานรื่นเริง และที่สำคัญที่สุดคือ ชาวบ้านจะช่วยกันต่อเรือด้วยไม้ระกำ และประกอบพิธีลอยเรือ ด้วยเป็นความเชื่อว่าเป็นการเสี่ยงทายโชคชะตาในการประกอบอาชีพประมง จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ ธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ เวิ้งอ่าวสวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มเหมือนแป้ง และอ่าวที่สวยงามคือ อ่าวพัทยา ซึ่งมีลักษณะโค้งเว้า ทรายขาวละเอียด และหาดชาวเล ซึ่งทั้งสองหาดนี้สามารถเดินถึงกันได้โดยใช้เวลาประมาณ ๑๕ นาที บนหาดมีที่พักเอกชนคอยบริการนักท่องเที่ยว
เกาะหินงาม อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอาดัง เป็นเกาะขนาดเล็ก ชายหาดมีก้อนหินสีดำรูปร่างต่างๆ มีลักษณะกลมเกลี้ยง ลวดลายสวยงาม เมื่อถูกน้ำจะเป็นมัน แวววาว งดงาม บนเกาะมีป้ายเตือนเกี่ยวกับคำสาปเจ้าพ่อตะรุเตา “ผู้ใดบังอาจเก็บหินงามจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะนานานับประการ”
เกาะยาง หรือ เกาะกาต๊ะ เป็นเกาะเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากเกาะอาดัง น้ำทะเลใสและมีแหล่งปะการังแข็งที่สวยงาม เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังผักกาด ปะการังสมอง บนเกาะมีชายหาดที่มีทรายละเอียด
เกาะจาบัง เป็นเกาะขนาดเล็กอยู่ห่างจากเกาะอาดังราว ๒๐ นาที บริเวณก้อนหินใต้น้ำรอบๆ เกาะ
จาบังเป็นแหล่งปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาที่มีสีสันสวยงาม ระดับน้ำลึกราว ๑๕-๓๐ ฟุตของกองหินบริเวณนี้ ทำให้เหมาะแก่การดำน้ำตื้นในลักษณะการดำผิวน้ำ และสามารถดำน้ำลึกได้
หมู่เกาะดง เกาะดงเป็นเกาะที่อยู่นอกสุดของหมู่เกาะอาดัง ราวี ห่างจากเกาะอาดังราว ๑ ชั่วโมง มีแหล่งปะการังน้ำตื้น และปะการังน้ำลึก เกาะดงยังมีเกาะบริวารอยู่โดยรอบราว ๔-๕ เกาะ โดยมีเกาะหินซ้อนที่มีลักษณะโดดเด่นเหมือนก้อนหินที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ
การเดินทางสู่หมู่เกาะอาดัง ราวี
ท่าเรือปากบารา-อาดัง-หลีเป๊ะ
เรือจะออกจากท่าเรือปากบาราและแวะที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาก่อน หลังจากนั้นจะเดินทางต่อไปยังเกาะหลีเป๊ะและเกาะอาดัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒ ชั่วโมง (ตารางเรือดูได้จากการเดินทางไปหมู่เกาะเกาะตะรุเตา) เมื่อถึงบริเวณใกล้เกาะหลีเป๊ะและเกาะอาดัง จะมีเรือหางยาวเล็กมารอรับนักท่องเที่ยวที่เรือเพื่อต่อไปยังเกาะหลีเป๊ะและหมู่เกาะอาดัง ราวี ค่าโดยสาร ๔๐ บาท
สำหรับผู้สนใจท่องเที่ยวไปตามเกาะต่างๆในหมู่เกาะอาดังราวีนั้น สามารถเช่าเรือหางยาวได้ที่เกาะ
หลีเป๊ะ อัตราค่าเช่าวันละ ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ บาทต่อวัน (๘-๑๒ คน) ชมรมเรือหางยาวนำเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ โทร. ๐๘ ๑๙๕๙ ๖๕๔๒
การท่องเที่ยวเกาะลังกาวี
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย สามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือตำมะลัง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองสตูล ๙ กิโลเมตร ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเที่ยวแบบไปเช้า-กลับเย็น สอบถามรายละเอียดที่ บริษัทนำเที่ยวต่างๆในจังหวัดสตูล (ท้ายเอกสาร)

อำเภอควนโดน
ถ้ำลอดปูยู (ปูยู แปลว่า ปลาหมอ) อยู่ที่เขากาหยัง ตำบลปูยู ห่างจากตัวจังหวัด ๑๕ กิโลเมตร เป็นถ้ำลอดลักษณะคล้ายกับถ้ำลอดที่อ่าวพังงา มีคลองท่าจีนไหลผ่านถ้ำ สองฝั่งของคลองเป็นป่าโกงกางตลอดแนว ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยบ้าง ใกล้ถ้ำลอดจะมีถ้ำอีกแห่งหนึ่งมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามและมีค้างคาวอาศัยอยู่ ใช้เวลาในการเที่ยวชมประมาณ ๒ ชั่วโมง
การเดินทาง สามารถเช่าเรือหางยาวจากท่าเรือตำมะลังและท่าเทียบเรือประมงสตูล ขององค์การสะพานปลา ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง ๙ กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๘๓ กิโลเมตรที่ ๕-๖
อุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตั้งอยู่ที่บ้านวังประจัน ตำบลวังประจัน อยู่ห่างจากอำเภอเมืองสตูล ๔๐ กิโลเมตร อุทยานฯ มีเนื้อที่ ๑๒๒,๕๐๐ ไร่ โดยรวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกุปังปุโต๊ะและหัวกระหมิงและพื้นที่ป่าควนบ่อน้ำปูยู ในท้องที่ตำบลบ้านควน ตำบลปูยู อำเภอเมือง ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๒๓
คำว่า “ทะเลบัน” มาจากคำว่า “เลิด เรอบัน” เป็นภาษามลายูแปลว่า ทะเลยุบหรือทะเลอันเกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน อุทยานแห่งชาติทะเลบัน เกิดจากการยุบตัวของพื้นดินระหว่างเขาจีนและเขามดแดง เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ ๖๓,๓๕๐ ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน อุดมไปด้วยพืชพรรณป่าไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีสัตว์ต่าง ๆ เช่น เลียงผา ช้าง สมเสร็จ หมูป่า ลิง ชะนี และ “เขียดว๊าก” (หมาน้ำ) ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งบึงทะเลบัน รูปร่างคล้ายกบและคางคก แต่มีหาง ส่งเสียงร้องคล้ายลูกสุนัข จะมีชุกชุมตามริมบึงโดยเฉพาะในฤดูฝน สำหรับผู้ชื่นชมการดูนกก็ไม่ควรพลาด เพราะมีนกหลายชนิดให้ดู เช่น นกแอ่นฟ้าเคราขาว นกปรอดคอลาย นกกางเขนน้ำหลังแดง นกหัวขวาน เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทะเลบัน
บึงทะเลบัน เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่กลางหุบเขา ขนาบด้วยเทือกเขาจีนและเขาวังประ มีเนื้อที่ประมาณ ๑๒๕ ไร่ มีปลาน้ำจืดและหอยชุกชุม รอบบึงจะมี “ต้นบากง” ขึ้นอยู่หนาแน่น ทางอุทยานฯ ได้สร้างศาลาท่าน้ำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนและมีทางเดินไม้รอบบึง
น้ำตกยาโรย เป็นน้ำตกที่เกิดจากต้นน้ำในป่าหัวกะหมิง มี ๙ ชั้น แต่ละชั้นเป็นแอ่งสามารถเล่นน้ำได้ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในท้องถิ่น การเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๘๔ (สายควนสะตอ-วังประจัน) กิโลเมตรที่ ๑๔–๑๕ ประมาณ ๖ กิโลเมตร จะมีทางแยกเข้าไปอีก ๗๐๐ เมตร
น้ำตกโตนปลิว มีต้นน้ำมาจากภูเขาจีน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีหลายชั้น ไหลจากหน้าผาสูง สวยงามมาก การเดินทาง ใช้เส้นทางหมายเลข ๔๑๘๔ (สายควนสะตอ-วังประจัน) กิโลเมตรที่ ๙–๑๐ หรือห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร จะมีทางลูกรังแยกไปอีก ๓ กิโลเมตร
อุทยานฯ มีบ้านพักและร้านสวัสดิการ(เปิดในเวลาราชการ)ไว้บริการนักท่องเที่ยว ส่วนเต้นท์ต้องนำมาเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติทะเลบัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ๙๑๑๖๐ โทร. ๐ ๗๔๗๒ ๒๗๓๗ โทรสาร. ๐ ๗๔๗๒ ๒๗๓๖
การเดินทาง ไปอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ระยะทาง ๘๐ กิโลเมตร ถึงสามแยกควนโดนซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางเข้าอุทยานเลี้ยวซ้ายทางหลวงหมายเลข ๔๑๘๔ ไปอีกประมาณ ๒๐ กิโลเมตร นอกจากนั้นยังมีรถโดยสารประจำทาง (หาดใหญ่-สตูล) ขึ้นที่หน้าหอนาฬิกา ลงที่สามแยกควนสะตอ ต่อรถสองแถวเล็ก สายสตูล-วังประจัน รถออกชั่วโมงละ ๑ คัน ค่าโดยสารคนละ ๒๐ บาท
เขตชายแดนไทย-มาเลเซีย (ด่านวังประจัน) อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง ๒ กิโลเมตร บริเวณเขตแดนมีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ตั้งอยู่ หากเดินทางต่อไปอีกประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ก็จะถึงปาดังเบซาร์ ซึ่งมีสินค้าราคาถูกจำหน่าย หรือหากต้องการไปยังเมืองกางะ เมืองหลวงของรัฐเปอร์ลิส ก็สามารถไปได้เพียงเดินทางไปอีกประมาณ ๓๐ กิโลเมตรเท่านั้น ด่านนี้เปิดตั้งแต่ ๐๗.๐๐–๑๘.๐๐ น. และจะมีตลาดนัดทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ด่านศุลกากรโทร.๐ ๗๔๗๒ ๒๗๓๐ ด่านตรวจคนเข้าเมือง โทร. ๐ ๗๔๗๒ ๒๗๓๑
การเดินทาง จากตัวเมืองสตูลใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๐๖ ระยะทาง ๑๙ กิโลเมตร มีทางแยกขวา ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๘๔ กม.ที่ ๖๑-๖๒ ระยะทาง ๒๐ กิโลเมตร หรือ นั่งรถสองแถวสตูล-วังประจัน รถจอดที่หน้าโรงแรมแหลมทอง หรือ ขึ้นรถสตูล-เขตแดน ที่บริเวณสามแยกควนสะตอ โดยจะมีรถออกทุกชั่วโมง
ค่าโดยสารคนละ ๓๐ บาท

อำเภอควนกาหลง
วนอุทยานน้ำตกธาราสวรรค์ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขาหมาไม่หยก” จัดตั้งเป็นวนอุทยานโดยกรมป่าไม้เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๙ เป็นเขตที่มีฝนตกชุกค่อนข้างสม่ำเสมอทำให้เกิดป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ ภายในวนอุทยานสามารถเที่ยวชมน้ำตกที่มีความสวยงามประกอบด้วย ๓ ชั้น ชั้นแรกได้แก่ น้ำตกโตนต่ำ ชั้นที่สองได้แก่ น้ำตกสายฝน ชั้นที่สามได้แก่น้ำตกสอยดาว ห่างจากที่ว่าการอำเภอควนกาหลง ๑๒ กิโลเมตร มีสถานที่สำหรับกางเต็นท์พักแรมและบ้านพักไว้บริการ ๕ หลัง ติดต่อสำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๒๐ (สงขลา) โทร. ๐ ๗๔๓๑ ๑๐๒๐
การเดินทาง จากสามแยกนิคมฯ ผ่านที่ว่าการอำเภอควนกาหลงแยกเข้าทางซอย ๑๐ ไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๖ จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข ๔๑๓๗ มีป้ายบอกทางไปอีกประมาณ ๑๒ กิโลเมตร
น้ำตกปาหนัน อยู่ตำบลทุ่งนุ้ย ห่างจากตัวเมืองสตูล ๓๙ กิโลเมตร มีต้นน้ำมาจากภูเขากะหมิง ธรรมชาติรอบ ๆ น้ำตกยังสมบูรณ์ มีน้ำไหลตลอดปี แต่บริเวณน้ำตกมีการสร้างเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดย่อม

อำเภอละงู
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านละงู อยู่ตรงข้ามวัดอาทรรังสฤษฎิ์ ถนนละงู-ฉลุง ตัวอาคารมี สองชั้น ชั้นล่างจำหน่ายผลิตภัณฑ์งานฝีมือท้องถิ่นและขนม ชั้นบนจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ มีของจำพวกเครื่องทองเหลือง เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเงิน เตารีด ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ กระเบื้องเคลือบ เครื่องแก้ว เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เครื่องจักสาน นาฬิกา พัดลมซึ่งเป็นของสะสมของคุณชัยวัฒน์ ไซยกุล เปิดให้บริการทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร เวลา ๑๐.๐๐ -๑๖.๓๐ น.โทร ๐ ๗๔๗๘ ๑๓๓๘, ๐ ๗๔๗๘ ๑๓๘๒ อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ ๒๐ บาท เด็ก ๑๐ บาท นักเรียนในเครื่องแบบ ๕ บาท ชาวต่างประเทศ ๔๐ บาท
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันตกทางใต้ของไทย บริเวณช่องแคบมะละกา ฝั่งทะเลอันดามัน เกาะเภตรามีลักษณะคล้ายเรือสำเภา ครอบคลุมพื้นที่ชายหาดตลอดแนวฝั่งทะเลในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และตำบลสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาลาดชันสูง มีพื้นที่ราบบริเวณหุบเขาและชายหาด มีพื้นที่ทั้งบนบกและทะเล ประมาณ ๔๙๔.๓๘ ตารางกิโลเมตร ได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๗ อุทยานฯ นี้มีป่าไม้ ภูเขา สัตว์ป่า ปะการังหลากสีสวยงาม ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่สำคัญต่างๆ คือ เกาะเภตรา เกาะลิดี เกาะบุโหลน เกาะเขาใหญ่ เกาะละโละแบนแต เกาะเหลาเหลียง และเกาะเปรามะ
สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
อ่าวนุ่น เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ อยู่บนโค้งเวิ้งอ่าวธรรมชาติที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและบ้านพัก
หาดราไว เป็นชายหาด ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ และ ๔ ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า ห่างจากที่ทำการทุ่งหว้า ประมาณ ๒๖ กิโลเมตร เข้าตรงทางแยกบ้านวังตง มีต้นสนอยู่ตลอดแนวชายหาด มีภูมิทัศน์ที่เหมาะสำหรับตั้งค่ายพักแรม
เกาะลิดีเล็ก อยู่ห่างจากที่ทำการฯ (อ่าวนุ่น) ประมาณ ๕ กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือปากบาราประมาณ ๗ กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ฯ บนเกาะมีชายหาดทรายขาว น้ำใสเหมาะจะเล่นน้ำพักผ่อน ด้านข้างของเกาะมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์มีสัตว์น้ำหลายชนิดอาศัยอยู่ นักท่องเที่ยวที่จะพักบนเกาะต้องนำเต็นท์และอาหารมาเอง เพราะยังไม่มีร้านอาหารบริการ ส่วนเกาะลิดีใหญ่ ซึ่งอยู่ข้างเกาะลิดีเล็ก เป็นเกาะสัมปทานรังนกนางแอ่น สนใจติดต่อเช่าเรือได้ที่ ที่ทำการอุทยานฯ ค่าเช่าเรือประมาณ ๗๐๐ บาท
เกาะบุโหลน อยู่ห่างจากท่าเรือปากบาราประมาณ ๒๒ กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสสวยเล่นน้ำได้ มีจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกกระจายอยู่หลายจุด เช่น เกาะอายำและเกาะหินขาว ยามค่ำคืนบริเวณชายหาดมีปูเสฉวน ปูลม ให้ดู และยังเป็นจุดดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงามจุดหนึ่งด้วย
การเดินทางจากจังหวัดสตูลไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
ที่ทำการอุทยานฯ ห่างจากตัวจังหวัด ๕๖ กิโลเมตร ตั้งอยู่บริเวณเวิ้งอ่าวธรรมชาติที่เรียกว่า “อ่าวนุ่น” ก่อนถึงท่าเรือปากบาราประมาณ ๓ กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๔๑๖ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ ๖-๗ ให้แยกซ้ายเข้าไปอีก ๑.๔ กิโลเมตร อยู่ห่างจากอำเภอละงู ๗ กิโลเมตร
สำหรับการเดินทางไปยังเกาะต่างๆ ในเขตอุทยานฯ นั้น สามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ท่าเรือปากบารา สำหรับผู้ที่จะไปเกาะบุโหลน มีเรือโดยสารไปเกาะบุโหลนทุกวัน เที่ยวไปออกจากท่าเรือปากบารา ๑๓.๓๐ น. เที่ยวกลับออกจากเกาะบุโหลน เวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น ค่าโดยสารไปกลับคนละ ๕๐๐ บาท ส่วนเกาะลิดีไม่มีเรือเมล์วิ่ง ต้องติดต่อเช่าเหมาเรือที่ท่าเรือปากบารา ราคาค่าเช่าประมาณวันละ ๘๐๐-๑,๖๐๐ บาท สอบถามรายละเอียดชมรมผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวท่าเรือปากบารา โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๓๓๘ อาดังซี แอดเวนเจอร์ โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๓๖๘
ในเขตอุทยานฯ มีบ้านพัก และสถานที่ตั้งเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา (อ่าวนุ่น) ๒๙๘ หมู่ ๔ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ๙๑๑๑๐ โทร. ๐ ๗๔๗๘ ๓๐๗๔ (ผู้ที่จองจะต้องมาติดต่อที่อุทยานฯ ด้วยตนเอง หรือมีหนังสือแจ้งล่วงหน้า) www.dnp.go.th
น้ำตกวังสายทอง อยู่ริมถนน ร.พ.ช. สายทุ่งนางแก้ว-วังสายทอง ทางหลวงหมายเลข ๔๑๓๗สามารถเดินทางได้ ๒ ทาง คือ ทางอำเภอละงู ตรงทางแยกจากถนนสายสตูล-ละงู ที่สามแยกบ้านโกตา ตำบลกำแพง จากจุดนี้ถึงน้ำตก ระยะทางประมาณ ๒๖ กิโลเมตร อีกทางหนึ่งคือทางอำเภอทุ่งหว้า ตรงสามแยกสะพานวา ตำบลป่าแก่บ่อหิน ระยะทางประมาณ ๑๙ กิโลเมตร ความงามของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่แอ่งน้ำแต่ละชั้นจับหินปูน ลักษณะคล้ายดอกบัวบานซ้อนลดหลั่นกันในแอ่งที่สวยงาม บริเวณน้ำตกมีต้นไม้ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ

อำเภอมะนัง
ถ้ำเจ็ดคต ตั้งอยู่หมู่ ๕ ตำบลปาล์มพัฒนา จากตัวเมืองสตูล แยกเข้าทางหลวงหมายเลข ๔๑๓๗ ถึงสามแยกไปอำเภอมะนัง เลี้ยวเข้าไปทางถ้ำเจ็ดคต ห่างจากหน่วยพิทักษ์ป่าวังสายทอง ๓ กม. ลักษณะถ้ำคดเคี้ยวและทะลุผ่านภูเขา มีลำธารไหลผ่านภายในถ้ำสามารถล่องเรือภายในถ้ำได้ตลอดระยะทางเพื่อชมธรรมชาติและหินย้อย มีหาดทรายขาวระยิบระยับภายในถ้ำบริเวณมุมที่คดเคี้ยว คล้ายกับเพชรที่โปรยไว้ที่หาดทราย บริเวณหาดทรายสามารถกางเต็นท์ได้ มีลมพัดเบาๆ และอากาศเย็นสบาย ไม่อับชื้น ฤดูท่องเที่ยวประมาณเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม เส้นทางการเข้าสู่ถ้ำเจ็ดคตนี้มีหลายเส้นทางและการเข้าชมสามารถใช้เรือคายักและเรือยางสำหรับล่องแก่ง ควรเช็ครายละเอียดจากบริษัทนำเที่ยวก่อนการเดินทาง
อำเภอทุ่งหว้า
น้ำตกธารปลิว อยู่หมู่ ๗ ตำบลทุ่งหว้า ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ๑๔ กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำเกิดจากเขาลุงเครอะ ในเขตจังหวัดตรัง-สตูล มี ๒ ชั้น ชั้นล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดกว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๕๐ เมตร รอบ ๆ บริเวณร่มรื่นด้วยพรรณไม้หลากหลาย
การเดินทาง จากถนนสายทุ่งหว้า-ปะเหลียน แยกตรงกิโลเมตรที่ ๓๕ ไปบ้านทุ่งยาวนุ้ย ตำบลทุ่งหว้า ระยะทางจากทางแยก เข้าไปประมาณ ๘ กิโลเมตร

งานเทศกาลงานประเพณี
งานประเพณีแข่งว่าวนานาชาติ จัดขึ้นทุกปีประมาณเดือนกุมภาพันธ์ บริเวณสนามบินสตูล ก่อนถึงเมืองสตูลประมาณ ๔ กิโลเมตร
งานตะรุเตา อาดัง ฟิชชิ่ง คลับ เป็นงานตกปลาที่จัดขึ้นประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี
งานเทศกาลท่องเที่ยวทางทะเลจังหวัดสตูล จัดขึ้นประมาณเดือนธันวาคม เพื่อเป็นการเริ่มเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดสตูล นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตาในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน
ประเพณีลอยเรือ จัดขึ้นในหมู่ของชาวเลที่เกาะหลีเป๊ะในจังหวัดสตูล ประมาณกลางเดือน ๖ และเดือน ๑ ทุกปี เพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลและเสี่ยงทายอนาคตของการประกอบอาชีพ












สงวนลิขสิทธิ์ หากนำไปจัดพิมพ์เพื่อการจำหน่าย

รวบรวมข้อมูลโดย
งานพัฒนาข้อมูลท่องเที่ยว
กองข่าวสารการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย




ความหมายของคำว่า “การท่องเที่ยว” (Tourism)


ความหมายของการท่องเที่ยว
คำว่า “การท่องเที่ยว” (Tourism) เป็นคำที่มีความหมายกว้างขวางมิได้หมายเฉพาะเพียงการเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หรือเพื่อความสนุกสนานบันเทิงเริงรมย์ดังที่ส่วนมากเข้าใจกัน การเดินทางเพื่อการประชุมสัมมนา เพื่อศึกษาความรู้ เพื่อการกีฬา เพื่อการติดต่อธุรกิจ ตลอดจนการเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องก็นับว่าเป็นการท่องเที่ยวทั้งสิ้น ฉะนั้นปรากฏการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในปัจจุบันจึงเป็นภาพใหญ่ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งมีผู้กล่าวว่าธุรกิจทางการท่องเที่ยวในทุกวันนี้เป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ ที่เป็นรายการเดี่ยวๆ (Single Item) ด้วยกัน

ความหมายของคำว่า การท่องเที่ยว ในหลักการแล้วอาจจะกำหนดได้โดยเงื่อนไข 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1. เดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นเป็นการชั่วคราว (Temporary)
2. เดินทางด้วยความสมัครใจ (Voluntary)
3. เดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม ที่ไม่ใช่เพื่อการประกอบอาชีพหรือรายได้

ในปี พ.ศ. 2506 องค์การสหประชาชาติได้จัดประชุมว่าด้วยการเดินทางและท่องเที่ยวระหว่างประเทศขึ้นที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นว่าเนื่องจากคำว่าการท่องเที่ยวเป็นคำที่มีความหมายกว้างขวาง ดังกล่าวแล้ว จึงสมควรกำหนดคำจำกัดความของคำว่า นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ค้างคืน (International Tourist) ให้เป็นคำที่กินความกว้างขวางขึ้น เพื่อใช้เป็นหลักในการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่จะสามารถใช้เปรียบเทียบซึ่งกันและกันได้ต่อไป โดยเสนอแนะให้ประเทศสมาชิกใช้คำว่า “ผู้มาเยือน” (Visitors) แทนคำว่า “นักท่องเที่ยวที่ค้างคืน” (Tourists) ซึ่งคำว่า ผู้มาเยือน (Visitors) ให้หมายถึง บุคคลที่เดินทางไปยังประเทศที่ตนมิได้พักอาศัยอยู่เป็นประจำด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตามที่มิใช่ไปประกอบอาชีพหารายได้

คำว่า “ผู้มาเยือน” จะหมายรวมถึงผู้เดินทาง 2 ประเภท ดังนี้
1. นักท่องเที่ยวที่ค้างคืน (Tourists) ได้แก่ ผู้เดินทางมาเยือนชั่วคราว ซึ่งพักอยู่ในประเทศที่มาเยือนตั้งแต่ 24 ชั่วโมงขึ้นไป โดยใช้บริการสถานที่พักแรม ณ แหล่งท่องเที่ยวนั้น ๆ (Local Accommodation) และเดินทางมาเยือนเพื่อพักผ่อน พักฟื้น ทัศนศึกษา ประกอบศาสนกิจ ร่วมการแข่งขันกีฬา ติดต่อธุรกิจ ร่วมการประชุม สัมมนา เป็นต้น โดยแยกตามลักษณะของนักท่องเที่ยว ดังนี้
1.1 International Tourist หมายถึง นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ค้างคืน เดินทางเข้ามาในประเทศและพำนักอยู่ครั้งหนึ่ง ๆ ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง (1 คืน) และไม่เกิน 60 วัน
1.2 Domestic Tourist หมายถึง นักท่องเที่ยวภายในประเทศที่ค้างคืน อาจเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยเดินทางมาจากจังหวัดที่อยู่อาศัยปกติของตนไปยังจังหวัดอื่น ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการเดินทางอะไรก็ตามที่มิใช่ไปทำงานหารายได้ และระยะเวลาที่พำนักอยู่ไม่เกิน 60 วัน
2. นักท่องเที่ยวที่ไม่ค้างคืน (Excursionists) ได้แก่ ผู้เดินทางมาเยือนชั่วคราวและอยู่ในประเทศที่มาเยือนน้อยกว่า 24 ชั่วโมง และไม่ได้ใช้บริการสถานที่พักแรม ณ แหล่งท่องเที่ยวนั้น ๆ เช่น ผู้เดินทางมากับเรือสำราญ (Cruise) โดยแยกตามลักษณะของนักท่องเที่ยวได้ในทำนองเดียวกัน คือ
2.1 International Excursionist หมายถึง นักทัศนาจรระหว่างประเทศ
2.2 Domestic Excursionist หมายถึง นักทัศนาจรภายในประเทศ

ทั้ง นักท่องเที่ยวประเภท Tourist และ Excursionist เป็นกลุ่มนักเดินทาง (Traveller) ที่สามารถ ติดตามการเดินทางและจัดเก็บเป็นข้อมูลสถิติได้

สำหรับประเทศไทยก็ได้ยึดถือคำจำกัดความที่ได้กำหนดขึ้นที่กรุงโรมนี้เป็นหลักในการจดนับสถิติจำนวน “นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ” ซึ่งสรุปแล้ว ก็หมายถึง ชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและพำนักอยู่ครั้งหนึ่ง ๆ ไม่น้อยกว่า 1 คืน (24 ชั่วโมง) และไม่มากกว่า 60 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการเดินทางเข้ามาเพื่อ
ก. ท่องเที่ยวพักผ่อน มาเยี่ยมญาติหรือเพื่อมาพักฟื้น ฯลฯ
ข. ร่วมประชุมหรือเป็นตัวแทนของสมาคม ผู้แทนทางศาสนา นักกีฬา ฯลฯ
ค. เพื่อติดต่อธุรกิจ แต่ไม่ใช่เพื่อทำงานหารายได้
ง. มากับเรือเดินสมุทรที่แวะจอด ณ ท่าเรือ แม้ว่าจะแวะน้อยกว่า 1 คืน


ที่มา เว็บไซต์ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ

Our Legend



วิถีโจรสลัดแห่งทะเลอันดามัน

วิถีโจรสลัด แห่งทะเลอันดามัน จะไม่ยึดติดกับสถานที่แห่งใด เพราะเขารู้ดีว่ายังมีเกาะแก่งในทะเลอันดามัน หรือ ป่าเขาบนฝั่งทะเลอีกมากมาย ที่เขายังไม่ได้สำรวจ
ทุกๆการเดินทาง คือการเปิดโลกกว้างและประสบการณ์ชีวิตให้กับเหล่าโจรสลัด แห่งทะเลอันดามัน
ทุกๆวันที่สูญเสียไปจากการหยุดนิ่งไม่ผจญภัย หมายถึง อีกหนึ่งวันแห่งความเสียใจของวิถีแห่งโจรสลัด
ทุกๆนาทีไม่มีความกลัวที่จะเดินทางเพื่อล่วงรู้ถึงความลี้ลับ ความสวยงามของธรรมชาติ และเดินทางไปในดินแดน ที่ไม่เคยได้รู้จักมาก่อน
สำหรับวิถีโจรสลัดแห่งทะเลอันดามัน การตามล่าหาสมบัติล้ำค่า คือการท่องเที่ยว เสพสุขด้วยสายตา และสัมผัสสมบัติล้ำค่าแห่งธรรมชาติอันบริสุทธ์
เหล่าโจรสลัด แห่งทะเลอันดามัน แม้จะรู้ดีว่าไม่สามารถสำรวจทะเลอันดามันได้ทั้งหมดในช่วงชีวิตของโจรสลัดคนหนึ่ง แต่มันคือสัญชาติญาณของวิถีแห่งโจรสลัด ที่ชอบผจญภัยซึ่งพวกเขาไม่เคยนึกเสียใจ! ด้วยความรู้สึกที่ว่า “ข้านั้น...ได้เห็นโลกใบนี้มามากกว่าคนอื่นๆ”
และนี่แหละ คือ วิถีแห่งโจรสลัด และ ชีวิตแบบโจรสลัดแห่งทะเลอันดามัน อย่างแท้จริง



จุดมุ่งหมายโจรสลัดแห่งทะเลอันดามัน

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นิสัยรักการผจญภัย
เมื่อมีลายแทง(ทริปท่องเที่ยว)อยู่ในมือ เหล่าโจรสลัดแห่งทะเลอันดามัน ก็สามารถออกตามหาความฝันได้อย่างไม่ลังเล แม้สุดท้ายลายแทง(ทริปท่องเที่ยว)นั้นจะกลายเป็นเพียงเรื่องตลกกับเกาะเล็กๆก็ตาม เพราะมันอยู่ในสายเลือดของโจรสลัดแห่งทะเลอันดามัน ที่ชอบค้นหาและสัมผัสกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น
สำหรับเหล่าโจรสลัดแห่งทะเลอันดามัน หากสมบัติมีอยู่จริง สมบัตินั้นก็คือความเบิกบานใจในสัมผัสแห่งธรรมชาติ ความตื่นเต้นในการค้นพบสิ่งต่างๆ เหล่านี้แหละเปรียบดังรางวัลที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด

หากคุณคือผู้หนึ่งที่ชื่นชอบการผจญภัย รักอิสระ รักธรรมชาติ ในท้องทะเลอันดามัน หรือคุณคือผู้ที่รักการเดินทาง และ การอนุรักษ์ธรรมชาติ ขอเชิญคุณ ลงทะเบียน สมัครเป็นสมาชิกกับเรา พร้อมรับบัตรสมาชิกได้ทันที! ฟรีด้วยประการทั้งปวง